บมจ.ยูเอซี โกลบอล ("UAC") กางแผนกลยุทธ์ ปี 2566 ยกระดับองค์กร ประกาศขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจพลังงานสะอาด "ปิโตรเลียม - โรงไฟฟ้าชุมชน - โรงงานผลิต RDF" ต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทย่อยภายใต้ "ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่" ผ่านเกณฑ์ประมูลโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน แบบ FiT 6 โครงการ ขนาดผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 14.25 เมกะวัตต์ ลุ้นผลตัดสินรอบสุดท้าย มี.ค.นี้ หนุนเป้ารายได้ปีนี้โต 20% พร้อมตั้งเป้า EBITDA โตมากกว่า 25%
นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในปี 2565 ที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นการขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯอย่างยั่งยืน (For Sustainable Future) และการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยโครงการการลงทุนต่างๆของบริษัทฯได้ทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อาทิ การดำเนินการขุดเจาะน้ำมันดิบจากแหล่งปิโตรเลียม L11/43 จังหวัดสุโขทัย การเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) 4 หัวจ่าย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งทุกโครงการสามารถดำเนินได้ตรงตามแผนที่วางไว้
และในปี 2566 บริษัทฯยังคงเร่งขับเคลื่อน ในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจทั้งด้านพลังงานสะอาด-พลังงานทดแทน ควบคู่ไปกับการศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึง การร่วมทุนพันธมิตรในระดับชั้นนำ เพื่อยกระดับองค์กร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยในปีนี้ บริษัทฯได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบจากปี2565 พร้อมทั้งรักษาระดับการเติบโตของอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 25% ของรายได้ยอดขายรวม นอกจากนี้ ยังได้ตั้งงบลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจ ในปีนี้ ประมาณ 200 -300 ล้านบาท จากการขับเคลื่อน 2 กลุ่มธุรกิจ
ขณะที่ ล่าสุด บริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นย่อยของ UAC สามารถผ่านเกณฑ์การประมูลโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ปี 2565-2573 ได้จำนวน 6 โครงการ ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 14.25 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการตัดสินรอบสุดท้ายภายในเดือนมีนาคมนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เตรียมการขยายการลงทุน สำหรับการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 ต่อ หลังจากในช่วงเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาได้ประความสำเร็จจากการขุดเจาะปิโตรเลียมล็อตแรกจากแหล่งผลิตปิโตรเลียม L11/43 ซึ่งยังผลิตน้ำมันดิบได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ที่ได้ร่วมมือกับ บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) โดยตั้งเป้าจะขยายให้ครบ 50 สถานี หรือ 150 หัวจ่าย ครอบคลุมทั่วประเทศภายใน 2 ปีตามแผนที่วางไว้
"สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมพลังงานในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวหลังจากการเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้มทีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ การจ้างงานให้กับแรงงาน และรายได้ให้กับครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น " นายชัชพล กล่าวทิ้งท้าย