WIIK เปิดงบปี 2565 กวาดรายได้ 1,531.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.34 เปอร์เซ็นต์ กำไรสุทธิ 95.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.31เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมส่งบริษัทย่อย วิค วอเตอร์ เข้าลงทุนในบริษัท เซาเทิร์น คอนซัลแตนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ในสัดส่วน 51เปอร์เซ็นต์ เพื่อร่วมลงทุนในโครงการผลิตและจัดจำหน่ายน้ำประปาที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมลุยสร้างโรงงานผลิตท่อ PVC และ PPR ในประเทศ พร้อมออกจำหน่ายได้ในปี 2567
บริษัท วิค จำกัด (มหาชน) หรือ "WIIK" ผู้นำกลุ่มธุรกิจผลิต-จัดจำหน่ายท่อ และ บริหารจัดการน้ำรายใหญ่ในประเทศไทย ประกาศงบการเงินประจำปี 2565 หลังรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของ WIIK และบริษัทย่อยประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 95.78 ล้านบาท ดันอัตราเติบโตสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 4.31 คิดเป็นรายได้จาก 3 ทาง 1.รายได้ธุรกิจบริหารจัดการน้ำที่เพิ่มขึ้นกว่า 126.15 ล้านบาท มีต้นทุนคิดเป็นร้อยละ 76.91 ของรายได้ 2.รายได้จากการขายท่อ PVC, PPR และ 3.รายได้อื่นๆ
นายวิบูลย์ แสงวิทยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงแผนธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคตว่า "จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจบริหารจัดการน้ำ WIIK มีความพร้อมที่จะเดินหน้าขยายแผนธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับบริษัทฯ ต่อไป โดยคาดการณ์ว่าเรามีศักยภาพที่จะสร้างโรงงานและผลิตท่อ PVC และ PPR ในประเทศไทยและส่งจำหน่ายได้ในปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทย่อยในเครืออย่าง บริษัท วิค วอเตอร์ จำกัด ยังตกลงเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เซาเทิร์น คอนซัลแตนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด หรือ "SC&C" ในสัดส่วน 51เปอร์เซ็นต์ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้ว เพื่อร่วมลงทุนในโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจของเรามีประสิทธิภาพด้านการจัดการน้ำยิ่งขึ้น"
ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นและตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ฯ มีมติให้มีการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 จำนวน 0.06 บาท/หุ้น คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 50,260,983.72 บาท และกำหนดให้วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 เป็นวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น ("Record Date") ในการรับเงินปันผล โดยให้จ่ายเงินปันผลดังกล่าวแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566