TASCO เผยยอดขายยางมะตอยปี 65 อยู่ที่ 1.2 ล้านตัน และมีกำไรสุทธิ 2,367 ล้านบาท เติบโต 7% เมื่อเทียบกับปี 2564 พร้อมไฟเขียวเสนอจ่ายปันผล 1.00 บาท ตอกย้ำหุ้นปันผลสูง กำหนดขึ้น XD วันที่ 2 มี.ค. นี้
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางมะตอย เพื่อใช้ในงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงทาง เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯในปี 2565 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 33,723 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,367 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 2,220 ล้านบาทในปี 2564
ในปี 2565 บริษัทมียอดขายยางมะตอย อยู่ที่ราว 1.2 ล้านตัน เป็นไปตามเป้าหมาย โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากการจัดซื้อ Feedstock เข้าสู่โรงกลั่นจำนวน 4 ลำเรือ และการนำเข้าอุปทานยางมะตอยจากแหล่งอื่นในระดับที่สูงท่ามกลางสถานการณ์ราคาขายยางมะตอยที่แตกต่างกันในภูมิภาคยุโรป และเอเชีย ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากการที่บริษัทได้ใช้จุดแข็งด้านความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงกลั่นต่าง ๆ รวมถึงการมีกองเรือขนส่งยางมะตอยของตัวเอง
อนึ่ง ยอดขายยางมะตอยจำนวน 1.2 ล้านตัน นั้นแบ่งเป็นยอดขายสำหรับตลาดประเทศไทยราว 0.52 ล้านตัน และยอดขายต่างประเทศ 0.66 ล้านตัน ตามลำดับ โดยในไตรมาสที่ 4/2565 นั้นถือเป็นไตรมาสที่ตลาดในประเทศเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น เป็นผลจากยอดเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐประจำปี 2566 ที่เริ่มในช่วงปลายตุลาคม 2565 เช่นเดียวกันกับตลาดต่างประเทศหลายประเทศ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาสที่ 4/2565 ส่งผลให้บริษัทสามารถทำยอดขายได้ราว 1.2 ล้านตันตามเป้าที่วางไว้
ปี 2565 ถือเป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2564 เป็นผลจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคายางมะตอยในตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงกลยุทธ์การขายแบบเลือกตลาดของบริษัทที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2565 นั้นอยู่ในระดับที่ดี
สำหรับ ธุรกิจก่อสร้างในปี 2565 นั้นถือว่ามีการเติบโตอย่างสูงในแง่ของรายได้ โดยคิดเป็นประมาณร้อยละ 10 ของรายได้รวม สืบเนื่องจากโครงการสำคัญ คือโครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก
จากผลการดำเนินงานที่ดี อัตราหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ และสภาพคล่องที่สูง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมตินำเสนอแก่ที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาการจ่ายเงินปันผลประจำปีในอัตรา 1.00 บาทต่อหุ้น จากที่ก่อนหน้าที่ได้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.25 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นจำนวน 1.25 บาทต่อหุ้น โดยในส่วนของ 1.00 บาท ที่เสนอจ่ายเพิ่มเติมนั้น ได้กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 มีนาคม 2566 และจ่ายปันผลวันที่ 26 เมษายน 2566 ถือเป็นการสะท้อนการเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่จ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอ
.