กลุ่มดุสิตธานี รุกขยายธุรกิจ ปักธงแบรนด์ไทยในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เดินหน้าเปิดตัว 2 โรงแรมใหม่ 'ดุสิตธานี เกียวโต' และ "อาศัย เกียวโต ชิโจ' อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเล็งเพิ่มพอร์ตสินทรัพย์ในอีกหลายเมืองสำคัญ หวังวางรากฐานสร้างโอกาสเติบโตในอนาคต
กลุ่มดุสิตธานี เดินหน้าขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวอย่างคึกคัก ล่าสุดประกาศความพร้อมในการเปิดให้บริการโรงแรมภายใต้แบรนด์ "ดุสิตธานี" ในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก โดย "ดุสิตธานี เกียวโต" พร้อมมอบประสบการณ์ระดับลักซ์ชูรี ให้กับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ภายในเดือนกันยายนนี้ ขณะที่ "อาศัย เกียวโต ชิโจ" ที่พักแนวไลฟ์สไตล์ เตรียมเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน พร้อมนำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษที่มาจากแรงบันดาลใจ 4 ด้านของ Dusit Graciousness ที่ครอบคลุมทั้งการบริการ (Service) การกินดีอยู่ดี (Well-Being) การเชื่อมโยงกับท้องถิ่น (Locality) และความยั่งยืน (Sustainability) เผยมองหาโอกาสในการขยายพอร์ตโฟลิโอโรงแรมในอีกหลายเมืองสำคัญในญี่ปุ่น เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงในการสร้างเติบโตให้กับการลงทุนของ "กลุ่มดุสิตธานี" ในต่างประเทศในอนาคต
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีได้จัดงานเปิดตัวโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ พร้อมชมตัวอย่างโรงแรม อาศัย เกียวโต ชิโจ (ASAI Kyoto Shijo) และ ดุสิตธานี เกียวโต (Dusit Thani Kyoto) ที่จะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนและเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำแบรนด์ "ดุสิตธานี" มาสู่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก หลังจากเดินหน้าขยายการให้บริการเช่าวิลล่าหรู ในหมู่บ้านนิเซโกะและฮิราฟุ ของฮอกไกโด ภายใต้แบรนด์อีลิธ เฮเวนส์มาแล้ว
"ด้วยประสบการณ์มากกว่า 70 ปีในการดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทที่เคยได้รับรางวัลมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก การเปิดตัวโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตที่ประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ถือเป็นการปักหมุดหมายสำคัญเพื่อส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจ 4 ประการของ Dusit Graciousness ได้แก่ การบริการ (Service) ที่มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักอย่างสง่างาม, การกินดีอยู่ดี (Well-Being) เพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพที่เหนือระดับ, การเชื่อมโยงกับท้องถิ่น (Locality) เพื่อให้ลูกค้าของดุสิตธานีได้สัมผัสและเข้าถึงชุมชนท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ และ ความยั่งยืน (Sustainability) ทั้งมิติทางสังคม และสิ่งแวดล้อม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิตธานี กล่าว
สำหรับ โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต (Dusit Thani Kyoto) ซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ดุสิตธานี พร้อมมอบประสบการณ์การเข้าพักระดับลักซ์ชูรีในย่าน ฮังกันจิ มอนเซ็น-มาจิ (Hanganji Monzen-machi) ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเกียวโต (Kyoto Station) เพียง 850 เมตร ตั้งอยู่ใกล้กับวัดนิชิ ฮอนกันจิ (Nishi Honganji) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกที่ได้รับคัดเลือกจากยูเนสโก (UNESCO) และยังแวดล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆ อีกหลายแห่ง โดยความสวยงามของที่พักได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งของ 2 เมืองหลวงเก่าแก่ ทั้ง เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และอยุธยา ประเทศไทย ที่ยังคงมีเสน่ห์ โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต จึงให้ความรู้สึกเป็นแหล่งหลบหนีความวุ่นวายในเมือง ที่ยังคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีของญี่ปุ่นและการต้อนรับอย่างอบอุ่นแบบไทย
นอกจากห้องพักที่ตกแต่งอย่างเหนือระดับจำนวน 150 ห้องซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้ง 4 ชั้น โรงแรมแห่งนี้ยังมีพื้นที่จัดงานขนาดใหญ่ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และเทวารัณย์ เวลเนส (Devarana Wellness) ที่ให้บริการการนวดบำบัดแบบไทยโบราณและแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม รวมถึงทรีทเมนท์เพื่อสุขภาพ กิจกรรม และเป้าหมายในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักที่สามารถออกแบบโปรแกรมให้เข้ากับความต้องการของตัวเองได้อย่างลงตัว ขณะที่ประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มยังเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ ดุสิตธานี เกียวโต ที่มีตัวเลือกหลากหลายที่จะทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของผู้ที่ชื่นชอบการรับประทาน โดยเฉพาะความพิเศษจากเชฟโบ - ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการร้านอาหาร เพราะโดดเด่นในด้านปรุงอาหารไทยแบบต้นตำรับที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและอยู่บนฐานความยั่งยืน จนร้าน โบ.ลาน (Bo.lan) ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์เป็นเครื่องการันตี
ในส่วนของ โรงแรมอาศัย เกียวโต ชิโจ (ASAI Kyoto Shijo) ที่จะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้ จะเป็นความตื่นเต้นใหม่ที่จะกลายเป็นหนึ่งหมุดหมายของเมือง โดยโรงแรมแห่งนี้บริหารภายใต้ อาศัย โฮเท็ลส์ (ASAI Hotels) แบรนด์โรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ภายในเครือดุสิตธานี ที่โดดเด่นและทันสมัย มีพันธกิจสำคัญในการเชื่อมโยงนักเดินทางรุ่นใหม่เข้ากับประสบการณ์ที่แท้จริงในทุกชมชนท้องถิ่นทั่วโลก
"อาศัย เกียวโต ชิโจ" มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 114 ห้อง ตั้งอยู่ในย่านชิโจ-คาราสุมะ (Shijo-Karasuma) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดนิชิกิ (Nishiki Markaet) ใจกลางเมือง โรงแรมแห่งนี้ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างความหมายให้กับทุกการเข้าพัก พร้อมให้คุณค่ากับมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชนในละแวกนั้น โดยจะสร้างแรงบันดาลใจจากเอกลักษณ์หลายแขนงอันโดดเด่นของไทย ที่นี่จะให้บริการห้องพักในขนาดที่ออกแบบพื้นที่ได้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น อาทิ เตียงนอนคุณภาพเยี่ยม และฝักบัวอาบน้ำแรงดันสูง มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ซึ่งทำหน้าที่เป็นสถานที่อเนกประสงค์ทั้งการทำงาน พักผ่อนอิริยาบถ รวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงแรมยังมีห้องรับประทานอาหารบรรยากาศสบายๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสตรีทฟู้ดอันโด่งดังของกรุงเทพฯ รวมทั้งบริการของว่างหลากชนิดที่จับคู่กับเครื่องดื่มได้อย่างสร้างสรรค์ ทั้งค็อกเทลแบบคลาสสิก วิสกี้ สาเก และเบียร์ระดับพรีเมียมของประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนของหวานรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่เลือกสรรมาอย่างพิถีพิถัน เช่น ข้าวเหนียวมะม่วงและไอศกรีมมะพร้าวพร้อมท็อปปิ้งนานาชนิด เหมือนได้สัมผัสกับบรรยากาศในกรุงเทพฯ ได้อย่างแท้จริง
"เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยในเมืองประวัติศาสตร์อย่างเกียวโต เป้าหมายของเราไม่เพียงแต่ให้บริการที่พักระดับลักซ์ชูรีที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน แต่ยังรวมถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นอย่างมีความหมายและยั่งยืน เราพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เกิดจากความทุ่มเทของเราด้วยการเชื่อมโยงจุดเด่นของกลุ่มดุสิตธานี ทั้งด้านโรงแรมและรีสอร์ท ด้านการศึกษา ด้านอาหารและด้านอสังหาริมทรัพย์ และมั่นใจว่า แนวทางนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของเราและวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตที่ประเทศญี่ปุ่นในอนาคต ซึ่งในขณะนี้เรากำลังวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอโรงแรมในอีกหลายเมืองที่น่าสนใจ เช่น ฟุกุโอกะ โอซาก้า และโตเกียว และยังคงแสวงหาโอกาสในการขยายหน่วยธุรกิจอื่นๆ ของเราในอุตสาหกรรมใกล้เคียง" นางศุภจีกล่าว
ปัจจุบัน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในเครือดุสิตธานี ครอบคลุม 16 ประเทศ ประกอบด้วย โรงแรม 48 แห่งที่ดำเนินงานภายใต้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิต (รวมทั้งสิ้น 6 แบรนด์) และวิลล่าระดับลักซ์ชูรีมากกว่า 300 หลังภายใต้แบรนด์ อีลิธ เฮเวนส์ และยังมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตมากกว่า 60 แห่งทั่วโลกที่อยู่ในแผนการก่อสร้างและดำเนินการ