บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ("SJWD") โชว์รายได้ปี 2565 ก่อนการรวมกิจการกับ SCGL ที่ 5,988.2 ล้านบาท เติบโตตามแผน จากภาพรวมธุรกิจส่วนใหญ่ที่ขยายตัวและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทั้งขนส่งสินค้า คลังสินค้าทั่วไป รับฝากและบริหารยานยนต์ รวมถึงธุรกิจที่เข้าร่วมลงทุน มั่นใจบริษัทฯ พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปีนี้ หลังรวมกิจการกับ SCGL แล้วเสร็จ
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2565 ตามงบการเงินก่อนการรวมกิจการกับบริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SCGL มีรายได้เติบโตเป็นที่น่าพอใจจากการดำเนินงานของธุรกิจหลักต่าง ๆ ที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 5,988.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.1% จากปีก่อน ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่เคยวางไว้ 15% ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 504.3 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 571.7 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากในไตรมาส 4/2565 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการรวมกิจการกับบริษัท บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SCGL และค่าใช้จ่ายพนักงาน ซึ่งเป็นรายการพิเศษที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา ได้แก่ (1) ธุรกิจขนส่งสินค้า มีรายได้ 1,275.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.6% เนื่องจากได้รับงานขนส่งสินค้าทั่วไปและยานยนต์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงานขนส่งรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนหลากหลายแบรนด์และรถแบรนด์ชั้นนำจากยุโรปที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง (2) ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป มีรายได้ 521.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.2% และมีอัตราการเช่าพื้นที่มากกว่า 100% (3) ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ มีรายได้ 446.6 ล้านบาท อยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามรายได้จากธุรกิจดังกล่าวฟื้นตัวอย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการให้บริการขนส่งรถยนต์ไฟฟ้าและปัญหาซัพพลายเชนดิสรัปชั่นเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้มีรายได้ไตรมาส 4/2565 และกำไรสุทธิในเดือนธันวาคม 2565 ทำสถิติสูงสุดใหม่ รวมถึงมีอัตราการใช้พื้นที่จอดพักรถเพิ่มขึ้นเป็น 75% (4) ธุรกิจบริการอาหารในประเทศไต้หวันภายใต้การดำเนินงานของ CSLF มีรายได้ 1,312.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% และสามารถเทิร์นอะราวด์สร้างผลกำไรแก่บริษัทฯ
นอกจากนี้ธุรกิจที่ร่วมลงทุนมีส่วนแบ่งกำไรที่ดี เช่น Transimex ในเวียดนาม, ALPHA ที่มีกำไรพิเศษจากการที่พาร์ทเนอร์จากญี่ปุ่นเข้าร่วมลงทุนในโครงการคลังสินค้า, บริษัท สยาม เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด ที่ได้รับงานโลจิสติกส์รถยนต์ไฟฟ้าส่งผลมีส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นไตรมาส 4/2565 และคาดว่าจะสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่องในปี 2566 จากเทรนด์การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม SJWD กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง จากอัตราการเช่าพื้นที่และให้บริการแก่ลูกค้าที่อยู่ในระดับที่ดี รวมถึงมีแนวโน้มสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากแผนงานขยายการลงทุนธุรกิจต่าง ๆ อาทิ การก่อสร้างคลังสินค้าทั่วไปเพิ่มเติมหลายแห่งโดย ALPHA คาดว่าภายในปีนี้จะพัฒนาพื้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 220,000 ตารางเมตร, ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ ที่มีแนวโน้มได้รับงานขนส่งรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย, ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น ที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มอัตราการเช่าพื้นที่ในโครงการ PACS และ PACT, Phnom Penh SEZ Plc (PPSEZ) ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ในประเทศกัมพูชา ที่เตรียมส่งมอบที่ดินในนิคมฯ แก่ลูกค้าและทยอยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในปีนี้ ฯลฯ
ขณะเดียวกัน การรวมกิจการระหว่างบริษัทฯ กับ SCGL จะเพิ่มศักยภาพการเติบโตและความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจยิ่งขึ้น ทั้งในด้านเพิ่มรายได้ การลงทุนขยายธุรกิจในประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ วางแผนขยายการลงทุนและศึกษาโอกาสเข้าควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ไตรมาส 1/2566 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะรายงานงบการเงินที่รวมผลการดำเนินงานของ SCGL ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น