'ส. ขอนแก่นฟู้ดส์' หรือ SORKON ประกาศผลดำเนินงานปี 2565 ทำรายได้จากการขาย 3,172 ล้านบาท และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ 101 ล้านบาท พร้อมรุกสร้างการเติบโตผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เดินหน้าออกสินค้าใหม่เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค ด้านบอร์ดไฟเขียวประกาศจ่ายปันผล 0.10 บาทต่อหุ้น
นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศ บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 (ตุลาคม-ธันวาคม) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ทำได้ 18 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 64.0% ซึ่งเป็นผลมาจากขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนการขายของสินทรัพย์ชีวภาพ ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2565 มีรายได้จากการขาย 3,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% โดยปัจจัยความสำเร็จมาจากการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด และการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องในกลุ่มอาหารพื้นเมืองไทย เช่น แหนมใบมะยมพริกแซ่บ กลุ่มขนมขบเคี้ยวประเภทเนื้อสัตว์แปรรูปแบรนด์ ส.อกไก่นรก และกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน เช่น ข้าวผัดแหนม ยำหมูยอ ลูกชิ้นเต้าหู้หมู ไก่ย่างหมักน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ประกอบกับยอดขายของธุรกิจฟารม์สุกรได้รับผลบวกจากราคาตลาดสุกรที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากกลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสุกร คิดเป็นสัดส่วน 50.4% หรือมีรายได้ 1,599 ล้านบาท เติบโต 13.4% โดยรายได้เติบโตต่อเนื่องจากช่องทางร้านสะดวกซื้อสามารถวางจำหน่ายสินค้าใหม่ได้ตามแผน ขณะที่ กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป คิดเป็นสัดส่วน 34.7% คิดเป็นรายได้จำนวน 1,100 ล้านบาท เติบโต 7.7% จากนโยบายเพิ่มยอดขายในประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดรายใหม่ รวมถึงเพิ่มช่องทางค้าปลีกดั้งเดิมผ่านตู้แช่ชุมชนร่วมกับคู่ค้า และการปรับโครงสร้างราคาสินค้าและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าพร้อมรับประทาน เพื่อวางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดในชื่อเมนูอิ่มคุ้ม อาทิ ลูกชิ้นปลากลมใหญ่ เส้นปลาลูกชิ้นน้ำใส เป็นต้น
กลุ่มงานร้านอาหาร Quick Service Restaurant (QSR) คิดเป็นสัดส่วน 2.3% ของรายได้จากการขายรวม โดยมีรายได้จำนวน 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.5% หลังจากปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรรวมถึงเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายผ่านผู้ให้บริการเดลิเวอรี่ และการจำหน่ายผ่านเดลิเวอรี่เองมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มงานฟาร์มสุกร คิดเป็นสัดส่วน 12.6% หรือมีรายได้จำนวน 401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.2% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจฟาร์มยังคงได้รับผลบวกอย่างต่อเนื่อง จากราคาตลาดเนื้อสุกรที่ปรับเพิ่มตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ทำให้สามารถบริหารจัดการเพื่อลดผลกระทบต้นทุนภาพรวมของกลุ่ม และมีการลงทุนเน้นควบคุมการเลี้ยงสุกรตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity)
ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในปี 2565 ทำได้ 101 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนการขายของสินทรัพย์ชีวภาพ จำนวน 15 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการดังกล่าวกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในปี 2565 จะทำได้ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% เมื่อเทียบกับปี 2564
ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2565 เป็นเงินสดในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พฤษภาคม 2566 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น หากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25 เมษายน 2566 นี้