CPANEL โชว์งบปี 65 ทำนิวไฮ 2 ปีซ้อน รายได้ 433.97 ล้านบาท โตทะลุเป้า 39% กำไรพุ่ง113.60% เสนอบอร์ดแจกปันผล 0.17 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 23 พ.ค. แนวโน้มไตรมาส 1/66 เติบโตต่อเนื่อง อสังหาฯระดับกลาง-บน ทยอยเปิดโครงการใหม่เพิ่ม ปัญหาขาดแคลนแรงงาน-วัสดุก่อสร้างหนุน จ่อปิดดีลลูกค้า 3 ราย มูลค่ารวม 200 ล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (CPANEL) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึง ผลประกอบการปี 2565 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 433.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 312.43 ล้านบาท จำนวน 121.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.90% และมีกำไรสุทธิ 68.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.83 ล้านบาท จำนวน 36.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 113.60%
โดยรายได้ของบริษัทเติบโตถึง 38.90% มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 35% อีกทั้งมีกำไรสุทธิที่โตแบบก้าวกระโดด เนื่องจากในปี 65 บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ 10% สามารถส่งมอบงานได้เกินกว่าแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงบริษัทมีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.17 บาทต่อหุ้น รวมเป็นปันผลจ่ายทั้งสิ้นไม่เกิน 27.20 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 อยู่ที่ 42.16% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) วันที่ 3 พ.ค. 2566 กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 23 พ.ค. 2566 โดยมติดังกล่าวเตรียมนำเสนอเพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 วันที่ 24 เม.ย. 2566 เพื่อพิจารณาต่อไป
สำหรับทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 1/66 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยหนุนจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง-บน ทยอยลงทุนเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนวัสดุก่อสร้าง รวมถึงการขาดแคลนแรงงานยังคงมีอยู่ในปีนี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ Precast Concrete ในการก่อสร้างมากขึ้น เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดี ถือเป็นโอกาสในการรับงานให้กับบริษัท ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาจากลูกค้า 3 ราย มูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2ราย แนวสูง 1 ราย และอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้