บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) "TMILL" โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ โชว์ปี65 รายได้จากการจำหน่ายโต32.5% เทียบปีก่อนมีรายได้จากการจำหน่าย 1,483.16 ล้านบาท โดยที่รายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลีเพิ่มขึ้น 30.8% และรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 1.7% บอร์ดฯ ใจดี ปันผลอีกหุ้นละ13 สตางค์ หลังปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 8 สตางค์
นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) "TMILL" เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯและบริษัทย่อยในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่าย 1,965.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 482.03 ล้านบาทหรือคิดเป็น 32.5% เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการจำหน่ายอยู่ที่ 1,483.16 ล้านบาท โดยที่รายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลีเพิ่มขึ้น 30.8% และรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 1.7% ทั้งนี้ถึงแม้ปริมาณการจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีลดลง 3.8% และ 3.2% แต่ราคาจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 42.2% และ 14.1% ตามราคาตลาดที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่อัตราต้นทุนขายในปี 2565 สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นลดลง 4.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนเฉลี่ยของข้าวสาลีที่ใช้ในปี 2565 นี้สูงขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่าราคาจำหน่ายแป้งและรำข้าวสาลีที่ปรับเพิ่มขึ้น
ด้านการใช้อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยในปี 2565 อยู่ที่ 69.59% ลดลง 2.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ในการจำกัดการจำหน่ายแป้ง จากผลกระทบด้านราคาข้าวสาลีที่ปรับสูงขึ้นแรงมาก สำหรับงบการเงินของบริษัทฯแสดงผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ 109.40 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 มีผลกำไรสุทธิลดลง 3.28 ล้านบาท คิดเป็น 2.9%
นางแววตากล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันเนื่องจากราคาตลาดข้าวสาลีปรับสูงขึ้นประมาณ 50% โดยปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 จึงทำให้มีการปรับราคาจำหน่ายแป้งสาลีขึ้น โดยบริษัทฯ แบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นบางส่วนไว้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อลูกค้าและผู้บริโภคปลายทางไม่ให้รุนแรงมากจนเกินไป จึงส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ก็ยังมีการปรับกลยุทธ์ทั้งด้านการผลิตและการจัดจำหน่าย เพื่อให้ยังคงความสามารถในการทำกำไร ทำให้ได้ผลประกอบการเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2565 นี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วงครึ่งหลังของปีมีการปรับราคาจำหน่ายแป้งสาลีขึ้นได้ใกล้เคียงกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเริ่มสูงขึ้นกว่าสองไตรมาสแรก
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.08 บาทไปในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 และยังมีมติจะเสนอจ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ 0.13 บาทในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีวันที่ 27 เมษายน 2566 นี้อีกด้วย โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่24 มี.ค. 2566 และจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่23 มี.ค. 2566 กำหนดจ่ายปันผล วันที่ 25 พ.ค. 2566
ทั้งนี้ นอกจากบริษัทฯ จะพยายามสร้างผลตอบแทนทางการเงินที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นแล้ว ก็ยังคงมีการทำกิจกรรมตอบแทนสังคมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจ เป็นทางเลือกการลงทุนที่มั่นคงให้กับนักลงทุนตลอดไป