บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) หรือ JSP กำลังซื้อฟื้นตัวเด่น หนุนออเดอร์ "รับจ้างผลิต หรือ OEM" โตแรง รับอานิสงส์ สองเด้ง "ช้อปดีมีคืน-ท่องเที่ยวจีน" ดันยอดขายพุ่ง ตั้งธงรายได้ทั้งปีโต 20-30% ล่าสุดประกาศงบ Q4/65 สัญญาณดี พลิกฟื้นมีกำไรสุทธิจำนวน 10.7 ลบ. เทียบกับ Q3/65 ที่ขาดทุนสุทธิ 4.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 326.4
ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20-30% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สามารถเป็นไปได้ หลังจากบริษัทได้ลงทุนสร้างโรงงานไปหมดแล้วในปี 2565 ที่ผ่านมา แต่คาดว่าโรงงานใหม่จะหนุนการเติบโตในช่วงต่อจากนี้ และจะเก็บเกี่ยวผลการลงทุนเข้ามา
"การเติบโตในระดับ 20-30% เป็นระดับที่เราค่อนข้างมั่นใจมากว่าจะเติบโตได้ เพราะขยาย Capacity ไปหมดแล้ว โดยกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น คือ ยา อาหารเสริม ไม่รวมโรงงานสกัด เนื่องจากยังรอความชัดเจนของข้อกฎหมาย ในขณะที่ไลน์การผลิตอาหารเสริมสัตว์ ซึ่งเป็นไลน์ผลิตใหม่ที่เราอยู่ในช่วงขอใบอนุญาตผลิต จึงมองว่าการเติบโตที่ 20-30% เป็นไลน์ผลิตสินค้าเดิม ที่เราทำการขยาย Capacity พร้อมรับโอกาสรับกำลังซื้อและเศรษฐกิจฟื้นตัวทันที" ดร.สิทธิชัย กล่าว
ปัจจุบันสัดส่วน OEM มีออเดอร์เกิน 50% ซึ่งบริษัทมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์สินค้าภายใต้แบรนด์ของตัวเอง (Own Brand) คาดปี 2566 จะเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ Own Brand ติดตลาด และสามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้ค่อนข้างสูงในอนาคต คาดสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ Own Brand จะเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ OEM ที่ 50:50 จากปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายที่ 38.2%
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 คาดว่าจะออกมาดีมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากปัจจุบันยอดขายในเดือนม.ค.2566 เพิ่มขึ้นมากจากผลิตภัณฑ์ยาน้ำและ อาหารเสริมงาดำรำข้าว ที่บริษัทร่วมมือกับ "ทีวีไดเร็ค" หรือ TVD ในการเจาะตลาด D2C และไตรมาสแรกปีนี้ยังได้รับอานิสงส์จากโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ซึ่งสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ขณะที่การท่องเที่ยวจีนที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ช่วยผลักดันยอดขายคึกคัก ล่าสุดลูกค้า OEM เตรียมออกแบรนด์ใหม่ รองรับทัวร์จีนเข้าไทย ซึ่งจะเป็นสินค้าประเภทอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ส่วนมากใช้วัตถุดิบหรือองค์ความรู้ของประเทศไทย ซึ่งหาไม่ได้ในประเทศจีน
หลังจากที่ JSP ได้ลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตไลน์ที่ 2 คาดว่าหลังเปิดใช้งานไลน์ที่ 2 จะทำให้ผลการดำเนินงานของ JSP เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับในส่วนของผลิตภัณฑ์ยาน้ำปัจจุบัน JSP มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2 ล้านขวดต่อเดือน โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ มากกว่า 7 แสนขวดต่อเดือน และในปี 2566 มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก
ล่าสุดประกาศผลงานในงวดไตรมาส 4/65 ผลประกอบการพลิกฟื้นมีกำไรสุทธิ จำนวน 10.7 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/65 ที่ขาดทุนสุทธิ 4.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 326.4 และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 3/65 ร้อยละ 4.0 ขณะที่กำไรสุทธิในงวดไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้นร้อยละ 166.3 เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4/64 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 4 ล้านบาท
ในงวดไตรมาส 4/65 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขาย 141.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.8 จากงวดไตรมาส 3/65 สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันประเภท OEM เพิ่มสูงขึ้น และจากการขยายสถานที่ผลิตในโรงงานกรุงเทพฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นงวดไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 3/65 ร้อยละ 4.0 เนื่องจากรายได้จากผลิตภัณฑ์ประเภท OEM และ Own Brand เพิ่มสูงขึ้น เพราะกลุ่มบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและยาแผนปัจจุบัน แต่กลุ่มบริษัทก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าบริการที่ปรึกษาและวิชาชีพ
ขณะที่รายได้จากการขายงวดไตรมาส 4/65 เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4/64 เพิ่มขึ้น 29.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 26.8 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการขยายกำลังการผลิตของยาแผนปัจจุบันเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
"ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 กลุ่มบริษัทพบกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนหลายปัจจัย ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เช่น กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการได้บริหารจัดการเพื่อลดผลกระทบทางลบจากสถานการณ์ดังกล่าว เช่น การขยายช่องทางการตลาดทั้งทางโทรทัศน์และออนไลน์ การควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและค่าก่อสร้าง เป็นต้น
ทั้งนี้แนวโน้มภาพรวมในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ปรับตัวดีขึ้น ผลการดำเนินการของกลุ่มบริษัทในงวดไตรมาส 4/65 จึงมีแนวโน้มพลิกฟื้นจากงวดที่ผ่านมา" ดร.สิทธิชัย กล่าว