มูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) จับมือแพลตฟอร์มระดมทุนออนไลน์เพื่อสังคมเทใจดอทคอม (www.taejai.com) ชวนผู้ใหญ่ใจดีร่วมมอบทุนการศึกษาระยะเวลา 1 ปี ให้นักเรียนพิการหรือมีพัฒนาการช้าที่กำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตกของไทยจำนวน 150 คน ทุนละ 4,000 บาท ได้มีโอกาสเรียนร่วมในโรงเรียนปรกติในโครงการ "I'm ABLE โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม" โดยสามารถบริจาคได้จนถึง 30 มิถุนายน 2566 ที่ https://taejai.com/th/d/imable/
จากรายงานล่าสุดของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ 31 ธันวาคม 2565 ประเทศไทยมีคนพิการทั้งจากการพิการแต่กำเนิดและพิการจากสาเหตุอื่น เช่น การเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ เป็นต้น 2.15 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กพิการในวัยเรียนอายุระหว่าง 6-14 ปี มากถึง 66,000 คน ดังนั้นมูลนิธิ EDF ที่ดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นในการมีส่วนพัฒนาโอกาสทางการศึกษาให้นักเรียนไทยที่ด้อยโอกาสมาตั้งแต่ปี 2530 ได้ตระหนักถึงปัญหาเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดีและมุ่งมั่นช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาด้านความพิการได้มีโอกาสเรียนหนังสือเหมือนกับนักเรียนปรกติทั่วไปมาอย่างต่อเนื่อง
มูลนิธิ EDF เริ่ม "โครงการทุนการศึกษาเพื่อส่งเสริมเด็กพิการเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ" มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนพิการที่มีความสามารถในการเรียนหนังสือได้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เพื่อให้นักเรียนพิการเหล่านี้ได้เข้าเรียนร่วมในโรงเรียนปรกติกับนักเรียนทั่วไป และเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคม การช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งการอยู่ร่วมกับคนปรกติ โดยไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของครูและเพื่อน ๆ ในโรงเรียน
ข้อมูลจากการสำรวจของมูลนิธิพบว่านักเรียนพิการที่ได้รับทุนการศึกษาหลายคน จะมีพัฒนาการทางร่างกายที่ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงบุคลิกจากที่เคยเงียบขรึม เก็บตัว มาเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงและเป็นที่รักของเพื่อน ๆ และครูในโรงเรียนหลังจากเข้าเรียนร่วมได้ระยะเวลาหนึ่ง โดยปัจจุบันมูลนิธิ EDF ได้มอบโอกาสทางการศึกษาจากผู้บริจาคไปยังนักเรียนพิการที่มีฐานะยากจนเพื่อส่งเสริมให้เรียนร่วมในโรงเรียนปกติทั่วประเทศไปแล้วกว่า 2,000 คน
ตัวอย่างนักเรียนพิการที่รอรับทุนการศึกษาโครงการ "I'm ABLE โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม" ได้แก่ เด็กชายศุภณัฐ ซึ่งจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในปีการศึกษา 2566 ที่จะถึงนี้และพิการทางสายตา 1 ข้าง เล่าว่า "ผมอาศัยอยู่กับตายายและน้องคนละพ่ออีก 2 คน ที่จังหวัดหนองบัวลำภูเนื่องจากพ่อแม่เลิกกันขณะที่ผมอายุ 1 ขวบ แม่เดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และแต่งงานใหม่ ผมมีปัญหาตาข้างซ้ายไม่สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่เกิด เวลาเรียนหนังสือจึงนั่งโต๊ะแถวหน้าสุดเพื่อใช้สายตาข้างขวามองสิ่งที่คุณครูเขียนบนกระดาน แต่เมื่อต้องเพ่งกระดานนาน ๆ ผมมักจะมีปัญหาปวดแสบตามาก นอกจากนั้นผมยังมีปัญหาเรื่องความจำทำให้ผมต้องตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังเวลาที่คุณครูสอนในห้องเรียนมากกว่าเพื่อน ๆ ผมชอบเรียนวิชาศิลปะ วาดรูประบายสี และหลังกลับจากโรงเรียนรวมทั้งช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ผมจะไปช่วยตาขุดดินปลูกอ้อยเพราะยายไม่สามารถทำงานหนักได้เนื่องจากมีโรคประจำตัว ผมสมัครขอรับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF กับทางโรงเรียนเพราะต้องการนำเงินทุนการศึกษาไปซื้ออุปกรณ์การเรียนและเก็บไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเรียนต่อสายอาชีวศึกษาหลังเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผมอยากเรียนต่อสายอาชีพและเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์เพื่อจะได้สามารถทำงานเลี้ยงดูตัวเอง ตายายและน้อง ๆ ครับ"
ทางด้านเด็กหญิงพนิดา จากจังหวัดอุดรธานี ซึ่งกำลังจะขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในปีการศึกษา 2566 เดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้เล่าว่า "ครอบครัวหนูยากจน หนูกับพ่อแม่อาศัยอยู่บ้านญาติ พ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไปส่วนแม่ไม่ได้ทำงานเพราะต้องคอยดูแลหนูที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เวลาไปโรงเรียนแม่จะอยู่กับหนูตลอด ช่วยพยุงพาหนูเข้าห้องน้ำ เดินขึ้นลงบันได ตอนแรกหนูยังพอจะเดินด้วยตัวเองได้บ้างแต่พอขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปรากฏว่าอาการของโรครุนแรงขึ้น หนูไม่สามารถลุกเดินเองได้ เคลื่อนไหวร่างกายลำบากมาก นั่งนานไม่ได้เพราะไม่สามารถทรงตัวเองได้ เวลานอนตอนกลางคืนจะรู้สึกปวดมาก แต่หนูสามารถเขียนหนังสือและรับประทานอาหารเองได้แต่ต้องอาศัยแม่และพ่อจัดเตรียมสิ่งของมาวางไว้ให้ใกล้ ๆ หนูอยากเรียนหนังสือจนถึงระดับมหาวิทยาลัย หนูอยากเป็นหมอเพื่อจะช่วยรักษาเด็กที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับหนูให้หายป่วยสามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ หนูอยากได้ทุนการศึกษาจากผู้ใหญ่ใจดีเพื่อจะนำไปใช้จ่ายเรื่องการเรียน ซื้อหนังสือ และอุปกรณ์การเรียน เพราะรายได้ของพ่อเพียงคนเดียวบางครั้งก็ไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเรียนของหนูค่ะ"
ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคในโครงการ "I'm ABLE โอกาสจากพี่ ช่วยหนูได้เรียนร่วม" ร่วมกับมูลนิธิ EDF ได้ที่ https://taejai.com/th/d/imable/ หลังจากนั้นสามารถนำใบเสร็จรับเงินจากการบริจาคไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีได้ตามกฎหมาย นอกจากนั้นสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่นายอนุชาติ คงมา ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษามูลนิธิ EDF ในวันจันทร์-วันศุกร์ (09.00-16.30 น.) โทรศัพท์ 02 579 9209-11 อีเมล anuchat@edfthai.org หรือ LINE @edfthai
สำหรับมูลนิธิ EDF เป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255 ของประเทศไทย ที่ดำเนินงานช่วยเหลือนักเรียนที่ด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษารวมถึงจัดกิจกรรมซีเอสอาร์ในโรงเรียนและชุมชนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 เป็นที่ยอมรับจากองค์กรทั้งในและต่างประเทศและได้รับรางวัล เช่น รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย ประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สถาบัน คีนันแห่งเอเชีย และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์ รางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ 5 ดาว จากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใสจากสมาคมกิฟวิ่ง แบค ประกาศนียบัตรรับรอง CAF International Vetted Organization จาก CAF International ที่มอบให้องค์กรสาธารณกุศลทั่วโลกที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานการดำเนินงานครอบคลุมหลักธรรมาภิบาล เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่จดทะเบียนถูกต้อง รายงานการเงินประจำปีมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ และเงินบริจาคและเงินสนับสนุนที่ส่งมอบให้มูลนิธินำไปใช้อย่างถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์เพื่อสาธารณกุศลอย่างแท้จริง รางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย และรางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม