รัฐบาลสหราชอาณาจักร และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ฉบับใหม่เกี่ยวกับความร่วมมือด้านบริการทางการเงินและสานต่อความร่วมมือในภาคการเงิน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นเศรษฐกิจยั่งยืนและคาร์บอนต่ำได้สำเร็จ โดยเป็นการต่ออายุจาก MoU ฉบับก่อนหน้าที่ได้ดำเนินการร่วมกันในช่วง 2 - 3 ปี ที่ผ่านมา
ภายใต้ MoU ฉบับก่อนหน้า* รัฐบาลสหราชอาณาจักร และ ก.ล.ต. ได้ร่วมกันยกระดับบริการทางการเงิน (Financial Services) ในประเทศไทย โดยสหราชอาณาจักรได้สนับสนุนความช่วยเหลือทางเทคนิคในด้านต่าง ๆ ซึ่งครอบคลุมถึงการยกระดับมาตรฐานการบัญชี การพัฒนาระบบนิเวศของเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค (FinTech) การเงินเพื่อความยั่งยืน (sustainable finance) ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของบริษัทจดทะเบียน และการทำความรู้จักลูกค้าด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) รวมถึงความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
สำหรับ MoU ฉบับใหม่นี้ จะมุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาของระบบการเงินไทย โดยเฉพาะการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมฟินเทค การส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน และเพิ่มความตระหนักรู้ด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนในประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน โดยในส่วนของความร่วมมือจะครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และแนวปฏิบัติด้านฟินเทคและการเงินเพื่อความยั่งยืน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการ ASEAN Economic Reform Programme และ UK Partnering for Accelerated Climate Transitions Programme ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า "ฟินเทคและการเงินเพื่อความยั่งยืน เป็นนโยบายที่ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่า การสานต่อความร่วมมือและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการยกระดับระบบนิเวศทางการเงิน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมอย่างทั่วถึง และยั่งยืน"
นายมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า "บริการทางการเงินถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจสมัยใหม่ รัฐบาลสหราชอาณาจักรมีความภูมิใจและยินดีที่ได้สานต่อความร่วมมือกับ ก.ล.ต. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความก้าวหน้าทางการเงินที่ล้ำสมัย ซึ่งรวมถึงฟินเทค และการเงินเพื่อความยั่งยืน"