PRTR พร้อมเทรด SET 15 มี.ค.นี้ ก้าวสู่ปีที่ 30 อย่างแข็งแกร่ง ย้ำผู้นำ HR ยุคดิจิทัลของไทย สยายปีกสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 14, 2023 15:21 —ThaiPR.net

PRTR พร้อมเทรด SET 15 มี.ค.นี้ ก้าวสู่ปีที่ 30 อย่างแข็งแกร่ง ย้ำผู้นำ HR ยุคดิจิทัลของไทย สยายปีกสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

PRTR พร้อมเทรดวันแรกใน SET 15 มีนาคมนี้ มั่นใจนักลงทุนต้อนรับ ชูจุดเด่นผู้นำ Total HR Solutions ของไทย เงินระดมทุนใช้คืนหนี้และเสริมศักยภาพการขยายธุรกิจ มองโอกาสการเติบโตทั้งแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth

นางสาวริศรา เจริญพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PRTR กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 15 มีนาคม 2566 ในหมวดธุรกิจบริการเฉพาะกิจ (PROF) ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "PRTR" เป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน และถือเป็นการเฉลิมฉลอง PRTR ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 30 ด้วยความแข็งแกร่ง พร้อมเติบโตด้วยวิสัยทัศน์ เป็นองค์กรด้านบุคลากรอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดย PRTR คือผู้เชี่ยวชาญการให้บริการทางด้านทรัพยากรบุคคล แบบครบวงจร (Total HR Solutions) ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้บริการในหลากหลายธุรกิจ ทั้งลูกค้าองค์กรไทยและต่างประเทศ และก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการจัดจ้างพนักงานและสรรหาบุคลากรชั้นนำของประเทศไทยที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดในปัจจุบัน การเดินหน้าเข้ามาระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตสู่ระดับสากล พร้อมกับความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำ HR ยุคดิจิทัล ที่สอดรับไปกับการดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่นของลูกค้าองค์กรธุรกิจ และพร้อมจะใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ต่อยอดธุรกิจให้เป็น S-Curve ใหม่ที่สามารถสร้างฐานการเติบโตที่ยั่งยืน

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 1,042 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) เตรียมนำไปใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตและการขยายธุรกิจ ขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาส เช่น กลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว และกลุ่มไอที สนับสนุนการเติบโตของ PRTR ทั้งแบบ Organic Growth และ Inorganic Growth

นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า PRTR จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการจัดจ้างพนักงาน และสรรหาบุคลากรชั้นนำของประเทศไทย ที่มีความโดดเด่น ทั้งในด้านการบริหารงาน ความเป็นมืออาชีพของทีมผู้บริหาร ที่สามารถสร้างความพึงพอใจ และเสริมความแข็งแกร่งด้านทรัพยากรบุคคลให้กับลูกค้า ตลอดจนผลการดำเนินงานของ PRTR ที่สามารถเติบโตต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะหดตัวจากสถานการณ์ COVID-19 แต่รายได้ของ PRTR ระหว่างปี 2563 -2565 ยังคงสามารถเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 12.1% และมีความสามารถในการทำกำไรที่เติบโตขึ้นต่อเนื่องในทุกปี โดยระหว่างปี 2563 -2565 กำไรสุทธิสามารถเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 28.5%

นอกจากนี้ PRTR ยังมีการต่อยอดไปยังโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้แก่ แพลตฟอร์มการหางานออนไลน์อย่างครบวงจร ในชื่อ "NEXMOVE" และธุรกิจให้บริการฝึกอบรม ทั้งแบบ Online และ Offline ในชื่อ "BLACKSMITH" โดยล่าสุด PRTR ได้รุกเข้าสู่ธุรกิจให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการบริหารจัดการบุคลากร (Human Capital Management Software) ผ่านบริษัทย่อยคือบริษัท พินโน โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นอีกธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูง ตลอดจน การมีกลุ่มผู้บริหาร และกลุ่มผู้ถือหุ้นที่มีความแข็งแกร่ง เป็นโอกาสในการขยาย Ecosystem ที่เอื้อต่อการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต จึงมั่นใจว่า PRTR จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทน้องใหม่ที่มีความโดดเด่นในตลาดทุน และสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนในระยะยาวได้

ขณะที่ ในช่วงจองซื้อหุ้นสามัญให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 8-10 มีนาคมที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเป็นจำนวนมาก สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และการกำหนดราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 7.20 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 16.3 เท่า ขณะที่ บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำรวม 6 บริษัทหลักทรัพย์ ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าพื้นฐานของ PRTR ปี 2566 ที่ 8.00 - 11.80 บ./หุ้น

ด้านผลการดำเนินงานของ PRTR ในปี 2565 มีรายได้จากการให้บริการ 6,111.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 199.4 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน เนื่องจากการขยายฐานรายได้ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ โดยมีธุรกิจ Outsource เป็นธุรกิจหลักสัดส่วนรายได้ 95.9%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ