บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2565 มียอดขายรวม 214,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานรวม 12,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปัจจัยต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มเทคโนโลยี มีผลการดำเนินงานดี
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 196 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 204 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดยปี 2565 พบ บจ. ที่รายงานกำไรสุทธิจำนวน 144 บริษัท คิดเป็น 73% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานประจำปี 2565 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 214,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% ต้นทุนขาย 166,879 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.9% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ลดลงจาก 24.0% มาอยู่ที่ 22.3% กำไรจากการดำเนินงาน 12,556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% และมีกำไรสุทธิรวม 7,413 ล้านบาท ลดลง 23.0% เนื่องจากในปี 2565 มีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าและการตั้งสำรองของหลาย บจ. ทั้งนี้หากไม่นับรวมรายการดังกล่าว ปี 2565 บจ. mai มีกำไรสุทธิรวมเติบโตขึ้น 6.1%
"ปี 2565 บจ. ส่วนใหญ่มียอดขายเติบโต สอดคล้องกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาด COVID-19 โดยเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมียอดขายเพิ่มขึ้น ยกเว้นกลุ่มธุรกิจการเงิน แต่จากการปรับขึ้นของต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้อัตราการทำกำไรของ บจ. ลดลง ทั้งนี้ มี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโตทั้งยอดขาย กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิ ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มเทคโนโลยี" นายประพันธ์กล่าว
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 315,992 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% จากสิ้นปี 2564 และโครงสร้างเงินทุนรวมดีขึ้น โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.82 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2564 ที่เท่ากับ 1.00 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 204 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มีนาคม 2565) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 537.53 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 525,534 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 3,613 ล้านบาทต่อวัน