ปัจจุบัน เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปจากอดีตค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากพฤติกรรมการเลี้ยงของคนยุคใหม่ที่นิยมเลือกหาสัตว์เลี้ยงแสนรู้ ทั้งน้องหมา และน้องแมว มาดูแลเสมือนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว จนกลายเป็นกระแส "Pet Humanization" เห็นได้จากบางครอบครัวมักนิยมเลือกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแทนการมีลูก หรือการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยที่มีความต้องการสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนคลายเหงา ส่งผลให้ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละประมาณ 8-10%
แต่อย่างไรก็ดี แม้ตลาดสัตว์เลี้ยงจะขยายตัวได้ดี แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้รักสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะผู้เลี้ยงสัตว์มือใหม่ ควรให้ความสนใจอย่างยิ่งกับการดูแลสุขภาพของน้องหมา-น้องแมว เพราะสภาพแวดล้อมในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล รวมถึงการดูแลที่ไม่ถูกวิธี ซึ่งทั้งหมดนั้นถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ กับสัตว์เลี้ยงของเราได้
สัตวแพทย์หญิงจิดาภา โตสุวรรณ แพทย์ประจำคลินิกเฉพาะทางโรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ยอมรับว่า ปัจจุบันโรคภัยต่าง ๆ ที่จะเข้ามากระทบกับเพื่อนรักตัวน้อยของเรามีด้วยกันหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การติดเห็บ หมัด หรือการถูกยุงกัด โดยเฉพาะการเลี้ยงสัตว์ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจทำให้เกิดพยาธิหนอนหัวใจ ซึ่งมีสาเหตุจากเห็บหมัด และหากสัตว์เลี้ยงของเราเองเกิดอาการแพ้หนัก ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โดยโรคยอดฮิตที่มักเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของทุกท่านอยู่บ่อยครั้ง นั่นคือกลุ่มของโรคพยาธิเม็ดเลือดในสัตว์ หรือการเป็นหวัดจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง รวมทั้งอาการท้องเสียจากการทานอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงน้องหมาและน้องแมวควรเฝ้าระวังอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับโรคการติดเชื้อจากภายนอก โดยเฉพาะการเฝ้าระวังโรคร้ายที่อาจมาจากเห็บและหมัดเป็นพิเศษ
"ตามปกติแล้วน้องหมาและน้องแมว เมื่อป่วยจะมีอาการใกล้เคียงกัน ต้องเฝ้าสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงที่อาจอาเจียนท้องเสีย เพราะไปกินอะไรแปลก ๆ และที่สำคัญอีกเรื่องนั่นก็คือ การดูแลให้ดีไม่ให้หนีออกไปข้างนอก เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายจากการติดเชื้อจากสัตว์ตัวอื่น หรือการถูกกัด ความเสี่ยงทั้งหมดนั้น มีโอกาสที่จะทำให้น้อง ๆ ของเราเป็นโรคที่อาการรุนแรง เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคีเมียในแมว หรือรุนแรงจนถึงขั้นติดโรคพิษสุนัขบ้า หรือบาดเจ็บรุนแรงถึงชีวิตได้" สัตวแพทย์หญิงจิดาภา ระบุ
อีกเรื่องที่หลายคนอาจละเลยไป นั่นคือ อาหารการกิน เพราะปัจจุบันคนนิยมเลี้ยงสัตว์แบบเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว เมื่อรับประทานอาหารไปด้วยก็แบ่งเพื่อนตัวน้อยที่คอยมาจ้องตาแป๋วไปด้วย แต่หารู้ไม่ว่า การแบ่งอาหารของคนให้สัตว์เลี้ยงกินมากเกินไปนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สัตว์เลี้ยงแสนรักของเรามีความเสี่ยงอาจเกิดการอาเจียน ท้องเสีย และอวัยวะข้างในอักเสบ หรือเป็นโรคไตขึ้นได้ หรืออีกเรื่องนั่นก็คือการให้สารอาหารที่ไม่ครบถ้วนบางชนิด ก็อาจทำให้เกิดปัญหากับสุขภาพได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการเกิดโรคอีกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น นั่นคือ ภัยของ "ฝุ่นพิษ" หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปัญหาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายของคนเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเพื่อนตัวน้อย ๆ ของเราอีกด้วย เพราะปัจจุบันหลายพื้นที่ของประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหา ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างหนัก จึงขอแนะนำให้ผู้เลี้ยงระมัดระวังเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจของสัตว์เลี้ยง ภูมิแพ้กำเริบ บางตัวอาจเกิดอาการหอบหืดรุนแรง มีอาการไอและจามเรื้อรัง หากอาการรุนแรง ก็มีความเสี่ยงถึงชีวิตได้ด้วย
หมอจิดาภา ทิ้งท้ายว่า ด้วยสาเหตุของการเกิดโรคของสัตว์เลี้ยงทั้งหมด จึงขอแนะนำว่า ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสัตว์เลี้ยงให้มากขึ้น หรือถ้าเป็นไปได้ควรหาคุณหมออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจเช็คสุขภาพว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะถ้าหากเกิดความผิดปกติในส่วนใดขึ้น หมอจะได้วินิจฉัยโรคก่อนหาทางแก้ไขได้ทันเวลา โดยเฉพาะปัญหาใกล้ตัวอย่างเช่น เห็บ หมัด ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการรักษาที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยยืดอายุของเพื่อนเลี้ยงแสนรักให้อยู่กับเราได้นานมากขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตามในงาน "PET Expo Thailand 2023" จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคม 2566 ณ ฮอลล์ 6-8 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มีความพร้อมเข้าร่วมงาน โดยได้เตรียมยกคณะคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ไปคอยให้คำปรึกษาทุกวันตลอดระยะเวลาการจัดงาน พร้อมนำเครื่องมือต่าง ๆ ไปให้บริการภายในงาน รวมทั้งยังมีการบริการตรวจสุขภาพสัตว์เหมือนทุกปี เช่นเดียวกับการจัดเตรียมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับงานนี้เท่านั้น