เอบีม คอนซัลติ้ง เข้าร่วม "โครงการศึกษาเพื่อการริเริ่มใช้รถพลังงานไฟฟ้าของไปรษณีย์ไทย" ตามการมอบหมายของกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารประเทศญี่ปุ่น
เอบีม คอนซัลติ้ง และ เอบีม คอมซัลติ้ง (ประเทศไทย) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารของประเทศญี่ปุ่น ให้เป็นผู้ประสานงานใน "โครงการศึกษาเพื่อการริเริ่มใช้รถพลังงานไฟฟ้าของไปรษณีย์ไทย" เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนมาใช้พาหนะนำจ่ายพัสดุและไปรษณียภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ด้วยการลดการปล่อยคาร์บอนออกสู่บรรยากาศควบคู่ไปกับการส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยในรูปแบบที่ใช้งานได้จริง
โครงการนี้แสดงถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของพันธมิตรทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลาง เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนด้วยรถยนต์ไฟฟ้าและทดสอบสมรรถภาพในการขนส่งพัสดุและไปรษณียภัณฑ์ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ตามนโยบายทางธุรกิจด้าน ESG โดยเบื้องหลังยังรวมไปถึงความร่วมมือกันของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นผ่านข้อตกลงความร่วมมือในด้านธุรกิจไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารของประเทศญี่ปุ่น และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ซึ่งมีการลงนามในข้อตกลงไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 และเริ่มดำเนินการอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2564 ร่วมด้วยพันธมิตรร่วมโครงการได้แก่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้สนับสนุนรถยนต์ขนส่งพลังงานไฟฟ้า และ บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ 'โออาร์' ผู้สนับสนุนสถานีชาร์จ
"ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชันและมีปรัชญาการทำงานที่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เอบีม คอนซัลติ้ง มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในโครงการนี้" นายอิชิโร ฮาระ กรรมการผู้จัดการและผู้นำประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริษัทเอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) กล่าว "เราหวังว่าโครงการริเริ่มนี้จะนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดโครงการ ESG ภายใต้กลยุทธ์ Sustainability ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย โดยการนำรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในประเทศใทยให้มากยิ่งขึ้นจะช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอนได้ภายในปี พ.ศ. 2593"
แผนงานพัฒนาด้านการนำจ่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่ใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดมลพิษ และควบคุมต้นทุนและรายจ่ายในด้านพลังงานน้ำมันที่มีความผันผวนทุกปีได้ดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาสามปีแล้ว โดยในปี 2566 จะเริ่มทดลองใช้ทั้งรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถขนส่งพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ในการนำจ่ายจริงในเส้นทางต่าง ๆ
ดร. ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า "ในปี 2566 แผนงานด้านการนำจ่ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากการเติบโตของภาคธุรกิจที่ต้องพึ่งพาการขนส่ง และไปรษณีย์ไทยต้องมีการนำจ่ายทุกเส้นทางในประเทศไทย ไปรษณีย์ไทยได้เริ่มเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการนำจ่ายพัสดุและไปรษณียภัณฑ์เพื่อลดต้นทุนระยะยาว และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากการนำจ่ายของไปรษณีย์ไทยมีระยะทางที่ชัดเจนและต้องให้บริการในทุก ๆ วัน มิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ เป็นยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยังประหยัดค่าเชื้อเพลิง สอดคล้องกับเป้าหมายในการลดคาร์บอนขององค์กร โดยในระยะเริ่มต้นปี 2566 นี้จะทดลองนำจ่ายในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองสมาร์ทซิตี้และมีการเติบโตในด้านธุรกิจขนส่ง ก่อนจะขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป"
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา บริษัท ไปรษณีย์ไทย, มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ 'โออาร์' กระทรวงมหาดไทยและการสื่อสารของประเทศญี่ปุ่น และ เอบีม คอนซัลติ้ง ได้จัดประชุมเริ่มต้นโครงการขึ้นในจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือและหาข้อสรุปจุดประสงค์และการดำเนินงานของโครงการอย่างละเอียด ซึ่งในการดำเนินโครงการศึกษาระยะที่สองนี้ ไปรษณีย์ไทย จะทดลองใช้รถยนต์ไฟฟ้า มิตซูบิชิ มินิแค็บ มีฟ นำจ่ายไปรษณียภัณฑ์บนเส้นทางที่ลาดชันในจังหวัดภูเก็ตและชลบุรี
เอบีม คอนซัลติ้ง และ เอบีม คอมซัลติ้ง (ประเทศไทย) ได้รับมอบหมายให้ช่วยสนับสนุนการศึกษาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมไปถึงเก็บข้อมูลการใช้งานเครื่องชาร์จไฟฟ้า พฤติกรรมการใช้งานในกลุ่มรถขนส่งพัสดุของไปรษณีย์ไทย และความเป็นไปได้ที่จะขยายการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในอนาคต