กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--กทม.
คบเพลิงโอลิมปิค 2008 ผ่านพ้นประเทศไทย ไปท่ามกลางความประทับใจ ในมิตรไมตรีระหว่างไทย — จีน รอยยิ้มของผู้วิ่งทั้ง 80 คน และกองเชียร์อีกนับหมื่น โดยไม่มีเหตุรุนแรง
(19 เม.ย.50) พิธีเปิดการวิ่งคบเพลิง Beijing Olympic 2008 ในประเทศไทย เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 15.00 น. โดย พลตรีสนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต้อนรับในฐานะพ่อเมืองและตัวแทนประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร จากนั้นคณะผู้แทนจาก BOCOG จะกล่าวถึงความสำคัญของการวิ่งคบเพลิงในครั้งนี้ ก่อนที่หัวหน้าคณะ BOCOG จุดคบเพลิงและมอบให้กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งต่อให้กับผู้วิ่งคบเพลิงคนแรก คือ นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ออกวิ่งจากซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา วงเวียนโอเดียน ไปตามถนนเยาวราช ก่อนที่จะส่งคบเพลิงต่อให้กับ นายคริสโตเฟอร์ เบญจกุล เพื่อวิ่งคบเพลิงส่งต่อให้กับนักวิ่งคนต่อไป
ผู้วิ่งคบเพลิงทั้ง 80 คน นำคบเพลิงโอลิมปิค ผ่านไปยังถนนเยาวราช เจริญกรุง ราชดำเนินใน ราชดำเนินกลาง ราชดำเนินนอก ศรีอยุธยา สวรรคโลก ราชวิถี และถนนอู่ทอง เข้าสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า พระราชวังดุสิต โดยนักวิ่งคนสุดท้ายคือ ประวีณา ทองสุก นักยกน้ำหนักเหรียญทองโอลิมปิคของไทย เป็นผู้จุดคบเพลิงในกระถาง จากนั้นได้เริ่มต้นเฉลิมฉลอง โดยพลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว และกีฬา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้แทนจาก BOCOG มอบเกียรติบัตรให้กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และปิดท้ายด้วยการแสดงนาฎศิลป์ประยุกต์ ชุดรำ 4 ภาคของไทย จากนั้นเป็นพิธีปิดการวิ่งคบเพลิง โดยการดับไฟในกระถางคบเพลิง ซึ่งหลังจากนี้คณะวิ่งคบเพลิงโอลิมปิคจะเดินทางไปวิ่งคบเพลิงที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียต่อไป
ประชาชนนับหมื่น แห่รอชมภาพประวัติศาสตร์
บรรยากาศของการวิ่งคบเพลิงในครั้งนี้เป็นไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีประชาชนประชาชนทั้งชาวไทย ชาวจีน รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจมารอชมการวิ่งคบเพลิงจำนวนมาก ตลอดจนกองทัพนักข่าวทั้งไทย และต่างชาติ กว่า 300 คน ให้ความสนใจทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น ตั้งแต่จุดที่ประกอบพิธีเปิดงานซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา วงเวียนโอเดียน ไปตามถนนที่ขบวนวิ่งคบเพลิงวิ่งผ่าน ซึ่งนักวิ่งแต่ละคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความภาคภูมิใจที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ถือคบเพลิงในครั้งนี้ ท่ามกลางเสียงเชียร์จากบรรดาเยาวชน และประชาชน ที่ยืนโบกธงและส่งเสียงให้กำลังใจตลอดเส้นทางวิ่ง จำนวนหลายหมื่นคน รวมทั้งมีการวิ่งตามขบวนเพื่อให้กำลังใจนักวิ่งคบเพลิงอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นในบริเวณจุดสิ้นสุดการวิ่งที่ลานพระราชวังดุสิต (พระบรมรูปทรงม้า)ก็มีประชาชนมายืนรอชมภาพประวัติศาสตร์กันคับคั่ง ซึ่งถือเป็นภาพแห่งความประทับใจที่ผู้ร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้จะจดจำไปอีกยาวนาน
การวิ่งราบรื่นไม่มีเหตุรุนแรง
การวิ่งคบเพลิงในครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่นตามวัตถุประสงค์ที่คณะวิ่งคบเพลิง BOCOG รัฐบาลไทย กรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย วางไว้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานความร่วมมือกับเทศกิจ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานคร และกอ.รมน.กทม. นำกำลังกว่า 3,000 นาย เข้าควบคุมดูแลพื้นที่ในจุดต่าง ๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับขบวนวิ่งคบเพลิง ทำให้การวิ่งคบเพลิงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แม้จะมีการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มน้อยอยู่บ้าง เช่น มีการถือป้ายต่างๆ แต่ทางฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ดูแลอย่างใกล้ชิดก็สามารถควบคุมและคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างนุ่มนวล