คุณโสภา กาญจนรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ฟอลคอนฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 14% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ภาคการท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก รวมถึงพฤติกรรมการดูแลด้านสุขภาพของประชาชนหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จบลง ประกอบกับโครงการของภาครัฐและเอกชนที่เร่งดำเนินการเพื่อการพัฒนาประเทศ สร้างโอกาสให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเติบโตในภาพรวมได้เป็นอย่างดี
อีกทั้ง ฟอลคอนฯ เองได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในการร่วมพัฒนา platform และผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้สามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยี ด้านพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก รวมถึงการพัฒนาระบบที่ใช้ในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจในทุกส่วนงานซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ลดระยะเวลาในการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ฟอลคอนฯ ยังเดินหน้าขยายตลาดกับพาร์ทเนอร์กลุ่มใหม่ รวมถึงลูกค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการควบคุมความเสี่ยงในการพิจารณารับประกันภัยและการจัดการด้านสินไหมทดแทน อีกทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นของพอร์ตลงทุนไปพร้อมๆ กัน
คุณโสภา กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประกอบการปี 2565 ว่า "ฟอลคอนประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 3,083 ล้านบาท เติบโตประมาณ 4.4% เมื่อเทียบกับปึ 2564 โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์เติบโตโดดเด่นสูงสุด คิดเป็นสัดส่วน 52% รองลงมาเป็นประกันภัยทรัพย์สิน 18% ประกันภัยเบ็ดเตล็ด 12% ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ 12% ประกันภัยวิศวกรรม 4% และประกันภัยการขนส่งสินค้าและตัวเรือ 2% ในส่วนของอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR) อยู่ที่ 257%"
ในต้นปี 2566 นี้ ฟอลคอนฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาแดชบอร์ดที่สามารถเรียกดูข้อมูลยอดขายได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลการเคลมในแต่ละช่องทางเพื่อให้ฝ่ายขายและผู้เกี่ยวข้องสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างทันท่วงทีและสามารถปรับกลยุทธ์การทำการตลาดได้ทันต่อสถานการณ์ นอกจากนั้น ฟอลคอนฯ ยังพัฒนาแพลตฟอร์มการรับประกันภัยสุขภาพมาตรฐานใหม่ซึ่งช่วยสนับสนุนทีมขายตั้งแต่ขั้นตอนการพิจารณารับประกันภัย การเสนอราคา การออกกรมธรรม์ รวมถึงการต่ออายุกรมธรรม์ จัดทำคอมมิชชัน การติดตามข้อมูลยอดขายและผลประกอบการได้จากแพลตฟอร์มเดียวกัน นอกจากนั้นยังมีการได้เพิ่มศักยภาพในการดูแลลูกค้าผ่านระบบ CRM OMNI-CHANNEL อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และภายในปีนี้ ฟอลคอนฯ ยังมีแผนงานเกี่ยวกับการพัฒนาระบบงานด้านสินไหมรถยนต์ ในส่วนการประเมินราคาโดยใช้ AI ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยให้บริษัทฯ มีขั้นตอนการอนุมัติซ่อมที่รวดเร็ว แม่นยำ
ฟอลคอนประกันภัยได้ให้ความสำคัญด้านบุคลากรในองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์สำนักงานให้เป็นรูปแบบ Hot Seat เพื่อรองรับกับแนวทางการทำงานแบบ Hybrid และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพนักงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเดินทาง และลดความแออัดในสำนักงาน รวมถึงการจัดการบริหารพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดรองรับการทำงานเป็นทีม สนับสนุนกิจกรรมของพนักงานในการร่วมดูแลลดใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นในองค์กร ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ ESG ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องเพื่อการเป็นบริษัทประกันวินาศภัยที่เติบโตอย่างยั่งยืน