ทีเอ็มบีธนชาต เดินหน้าสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อเปลี่ยนสังคมสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ การันตีด้วย 2 รางวัลระดับโลก แห่งแรกและแห่งเดียวของสถาบันการเงินในประเทศไทยที่ได้รับรางวัล Best Issuer for Sustainable Finance Thailand จากเวที The Asset Triple A Country Awards for Sustainable Finance 2022 จัดโดย The Asset นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย ด้วยการจัดการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจน ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อสีเขียวเพิ่มขึ้นทุกปี พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาตอบโจทย์เชื่อมโยงความยั่งยืน รวมทั้งได้รางวัล Best Blue Bond จากการออกตราสารหนี้สีฟ้า ตอกย้ำความมุ่งมั่นการเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า ธนาคารยึดมั่นในการดำเนินงานสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) ตามหลัก ESG มุ่งส่งเสริมและสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ให้สังคมสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการบรรเทาและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการมลพิษและของเสีย และการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ที่สำคัญมีการดำเนินการปล่อยสินเชื่อเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน (Climate Finance) ชัดเจน ถือเป็นบทบาทเชิงรุกสำคัญในการสนับสนุนเงินทุนให้กับลูกค้าที่ต้องการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีเอ็มบีธนชาตเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับรางวัล Best Issuer for Sustainable Finance Thailand จากเวทีระดับโลก The Asset Triple A Country Awards for Sustainable Finance 2022 จัดโดย The Asset นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย พร้อมด้วยรางวัล Best Blue Bond จากการออกตราสารหนี้สีฟ้า หรือ ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนทางทะเลเป็นแห่งแรกของประเทศไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของธนาคาร และได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำด้านมาตรฐานความยั่งยืนในระดับสากลได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ทีเอ็มบีธนชาตมีการจัดการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจน โดยได้ตั้งเป้าหมายการอนุมัติสินเชื่อสีเขียวเพิ่มขึ้นทุกปี อาทิ การสนับสนุนสินเชื่อแก่บริษัท Prime Road Group จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาด 60 เมกะวัตต์ในกัมพูชา การนำเสนอสินเชื่อแก่บริษัทในประเทศไทยชื่อว่า Constant Energy Group เพื่อนำไปขยายพอร์ตโฟลิโอโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ การปล่อยกู้ให้โครงการสปริงทาวเวอร์ จำนวน 1,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นอาคารที่ได้รับการออกแบบตามมาตรฐาน Leadership in Energy and Environmental Design (LEED) ระดับ Gold และยังเป็นระบบการรับรองอาคารสีเขียวที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และการสนับสนุนสินเชื่ออาคารสีเขียวให้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS มูลค่า 1,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาอาคารของโรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล (BIH) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน LEED Healthcare ระดับ Gold ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติในการขอสินเชื่อดังกล่าว
นอกจากนี้ ธนาคารได้สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การขนส่งแบบคาร์บอนต่ำ ผ่านเงินกู้สีเขียวในโครงการ EV และแบตเตอรี่ โดยออกเงินกู้ระยะยาว 500 ล้านบาท ให้กับบจก.ธนบุรี เอนเนอร์จี สตอเรจ แบตเตอรี่ (TESM) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ PHEV และ BEV เพื่อสนับสนุนการลงทุนโครงการ EB400 และเพื่อช่วยขับเคลื่อนการผลิตอ้อยอย่างยั่งยืน ธนาคารได้แนะนำสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนสำหรับมิตรผลผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ให้รับมือกับปัญหาการเข้าถึงบริการทางการเงินและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 127,000 ตัน ในปี 2564 และเกษตรกรกว่า 8,000 ราย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินเพื่อใช้พัฒนาไปสู่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนได้ตั้งแต่เริ่มโครงการ
"ทีเอ็มบีธนชาตตระหนักถึงความเสี่ยงและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสังคมสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเป็นสิ่งจำเป็น เราจึงเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรกที่ออกตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ ตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) และตราสารหนี้สีฟ้า หรือตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนทางทะเล (Blue Bond) ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้รับรางวัล 'ผู้บุกเบิกพันธบัตรสีเขียว' สาขา 'ประเทศใหม่ที่นำพันธบัตรสีเขียวออกสู่ตลาดโลก' จาก The 4th Green Bond Pioneer Awards และยังตอกย้ำด้วยอีก 2 รางวัลในปี 2022 ได้แก่ Best Issuer for Sustainable Finance Thailand และ Best Blue Bond จากเวทีระดับโลก The Asset Triple A Country Awards for Sustainable Finance 2022 สะท้อนความมุ่งมั่นของธนาคารที่ดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง" นายปิติ กล่าวสรุป