ในปี 2566 นี้ ภายหลังจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกครั้งใหญ่ 'โออิชิ กรีนที' ผู้นำชาพร้อมดื่มอันดับหนึ่งของไทย ยังคงพัฒนาการทำการตลาด ศึกษาความต้องการของผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย อย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค และเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมานั้น สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในทุกมิติ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้โออิชิคว้ารางวัล "2023 Thailand's Most Admired Brand" ติดต่อกันเป็นปีที่ 12 ในฐานะแบรนด์ชาเขียวที่ครองใจผู้บริโภคและได้รับความไว้วางใจมากที่สุด พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกลุ่มชาเขียวพร้อมดื่มอย่างต่อเนื่อง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 48% [ที่มา : Nielsen IQ (ประเทศไทย) เดือนมกราคม - ธันวาคม 2565]
คุณสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกุญแจสำคัญที่ทำให้โออิชิเป็นแบรนด์ชาขียวที่ครองใจผู้บริโภคไว้ว่า "ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โออิชิประสบความสำเร็จ คือ การไม่หยุดนิ่งที่จะค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม รักษาฐานลูกค้าเก่า ขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และแคมเปญการตลาดที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในทุกมิติ ตลอดจนหยิบยกเอาคุณประโยชน์ของชาเขียวจากสารคาเทชินซึ่งเป็นจุดแข็งของโออิชิขึ้นมาสื่อสารกับผู้บริโภค"
โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา โออิชิได้ขยายเซ็กเมนท์น้ำตาล 0% 'โออิชิ กรีนที ฮันนี่ เลมอน น้ำตาล 0%' ชาเขียวรสน้ำผึ้งผสมมะนาวที่ไม่มีน้ำตาล แต่ยังคงเอกลักษณ์ของรสชาติอร่อย สดชื่น หวานน้อยกำลังดี ทำให้ผู้บริโภคดื่มได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาล กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้โออิชิมียอดขายที่เติบโตและสร้างฐานลูกค้าใหม่ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับจากการเข้ามาของเทรนด์สุขภาพหลังโควิด-19 ทำให้คนหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น และเมื่อจุดแข็งของโออิชิคือชาเขียว เพราะเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงถือเป็นโอกาสดีในการหยิบประโยชน์ของชาเขียวมาสร้างการรับรู้คุณประโยชน์ของคาเทชิน สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติที่มีในชาเขียวโออิชิทุกขวด ผ่านแคมเปญ 'OISHI GOODNESS OF TEA' ภายใต้แนวคิด 'โออิชิ กรีนที สิ่งดี ๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยน' โดยดึง กลัฟ - คณาวุฒิ นักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสื่อสารและตอกย้ำถึงคุณประโยชน์ดังกล่าว
นอกจากขยายฐานกลุ่มคนรักสุขภาพแล้ว โออิชิยังขยายฐานกลุ่มวัยรุ่นผ่านการสร้างความผูกพันกับผู้บริโภค ซึ่งในปีที่ผ่านมาได้ออกแคมเปญสร้างสีสันทางการตลาดที่น่าสนใจ โดยร่วมมือกับอนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่น 'ดาบพิฆาตอสูร' (Demon Slayer) ส่งผลให้ได้กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ที่เป็นแฟนคลับของอนิเมะเรื่องนี้ ทำให้เปอร์เซ็นต์การเข้าถึงผู้บริโภคสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดชาเขียวเติบโตตามไปด้วย และสำหรับปี 2566 นี้ โออิชิยังคงตอกย้ำความเป็นเครื่องดื่มสไตล์ญี่ปุ่นด้วยการต่อยอดแคมเปญ 'ดาบพิฆาตอสูร' เป็นแคมเปญร่วมกับ 'วันพีซ' (One Piece) อนิเมะที่โด่งดังไม่แพ้กัน สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดชาเขียว เนื่องจากฐานแฟนคลับของวันพีซมีจำนวนมหาศาล คอลเลคชั่น โออิชิ x วันพีซ มาพร้อมแพคเกจจิ้งดีไซน์ ลิมิเต็ดใหม่มากถึง 15 แบบ และรสชาติใหม่ 'โกมุ โกมุ' ที่ได้แรงบันดาลใจจากผลไม้วิเศษในเรื่องวันพีซ พร้อมกิจกรรมอีกมากมายที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงในวงกว้าง
นอกจากนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ถือว่าขับเคลื่อนให้ยอดขายของโออิชิเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ 'โออิชิ ชาคูลล์ซ่า' ชาพร้อมดื่มอัดก๊าซ หรือ สปาร์คกลิ้งในรูปแบบกระป๋อง ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเติบโตของตลาดรวมของเครื่องดื่มแนวสปาร์คกลิ้ง ประกอบกับโออิชิ ชาคูลล์ซ่า ได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะในโรงเรียน จึงทำให้โออิชิได้ฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหม่ ๆ ที่ตามหาเครื่องดื่มช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย เข้ากันได้ดีกับอาหารทุกมื้อ และได้ประโยชน์จากชาเขียวอีกด้วย โดยมี 2 รสชาติ ได้แก่ ฮันนี่เลมอน และองุ่นเคียวโฮ ไม่เพียงเท่านั้น โออิชิ ชาคูลล์ซ่า ยังสร้างคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนผ่านการสื่อสาร รวมถึงตัวแพคเกจจิ้งดีไซน์เท่ ๆ ซ่า ๆ ผ่านตัวการ์ตูนมังงะที่เข้าถึงและโดนใจวัยซ่าได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายนี้ เพื่อรักษาฐานลูกค้าให้เหนียวแน่น โออิชิยังมีแอปพลิเคชัน 'โออิชิ คลับ' เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของโออิชิในหลากหลายแง่มุมกับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่ม Loyal Users อีกด้วย
จากการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดที่ใส่ใจความต้องการของผู้บริโภค มีการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ และสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้จึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความสำเร็จของ 'โออิชิ' ในการเป็นแบรนด์ชาเขียวที่ได้รับความไว้วางใจและครองใจผู้บริโภคเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องอย่างยาวนานนั่นเอง