ECF เผยแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 1/66 เติบโตต่อเนื่อง ภาวะเศรษฐกิจฟื้น ดันยอดขายเพิ่ม ตลาดเฟอร์นิเจอร์รับอานิสงส์ส่งออกเริ่มฟื้นตัว ลูกค้าต่างประเทศ อินเดีย ญี่ปุ่น โตดี มุ่งเน้นขยายเพิ่มตลาดอาเซียน ด้านงบปี 65 รายได้รวม 1,463.40 ล้านบาท กำไรสุทธิ 37.46 ล้านบาท
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ประกอบธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์จากไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด ไม้เอ็มดีเอฟแบบประกอบด้วยตนเอง และเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเป็นผู้ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 1/2566 เติบโตต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ยอดขายตลาดเฟอร์นิเจอร์ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นช่วงเข้าไฮซีซั่นของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัท
ทั้งนี้ตลาดต่างประเทศยังสามารถเติบโตได้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดียที่แม้ช่วงปีที่ผ่านมาจะประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจ สงคราม เงินเฟ้อแต่คำสั่งซื้อจากลูกค้าในประเทศอินเดียไม่ได้มีการปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับลูกค้าในประเทศอื่น ๆ ในขณะที่ช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นซึ่งเป็นลูกค้าหลัก และมีการติดต่อซื้อขายมาอย่างต่อเนื่องนับเป็นสิบ ๆ ปี ได้เริ่มกลับมามีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแล้ว เนื่องจากเข้าช่วง Peak Season ที่ลูกค้าจะเตรียมซื้อของเข้าเพื่อเริ่มการจำหน่ายในช่วงเดือนเมษายนที่จะมีวันหยุดยาวหรือที่เรียกว่า Golden Week ของญี่ปุ่น ในขณะที่คำสั่งซื้อของลูกค้าอเมริกาช่วงนี้เริ่มกลับมามีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องอีกครั้ง แต่จะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็นับว่าเริ่มส่งสัญญาณที่ดี นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอาเซียนผ่านการวางกลยุทธ์ขยายตลาดที่มีการวางแผนงานกันใหม่ รวมถึงการเข้าร่วมจัดงานแสดงสินค้าในต่างประเทศเพื่อสร้างฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ ๆ ที่ยังมีกำลังซื้อต่อเนื่อง เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมทุกกลุ่มธุรกิจ 1,463.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่เท่ากับ 37.46 ล้านบาท และยังคงประกาศจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.011 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างรอมติอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2566 นี้ เพื่อดำเนินการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ต่อไป