ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว สำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ณ ประเทศกัมพูชา ที่ทางเจ้าภาพได้ประกาศแล้วว่าจะมีการแข่งขันทั้งหมด 38 ชนิดกีฬา จำนวน 584 เหรียญทอง ซึ่งทีมชาติไทยก็ได้คัดเลือกนักกีฬาเข้าแข่งขันจำนวนกว่า 800 คนเลยทีเดียว แน่นอนว่าการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น รวมทั้งการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนแข่งขันคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักกีฬาสามารถพิชิตเหรียญทองกลับมาฝากคนไทยได้ หากแต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน นั่นก็คือ เสียงเชียร์จากแฟน ๆ ชาวไทย ที่พร้อมใจส่งไปร่วมสู้ในศึกนี้ด้วยกัน
ด้วยเห็นถึงความสำคัญของพลังเชียร์จากคนไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จึงได้ผนึกกำลังเตรียมจัดงานเปิดตัวโครงการ "Heart for Heroes (H4H)" ภายใต้โครงการจัดกิจกรรมสร้างกระแสการชมและเชียร์ ให้กำลังใจนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ณ ราชอาณาจักรกัมพูชากับกิจกรรมรณรงค์สร้างกระแสการรับรู้ให้เยาวชนและประชาชนได้มีส่วนร่วมในการชม-เชียร์-ส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทยคว้าชัยชนะผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งแต่วันนี้ - เมษายน 2566
สำหรับกิจกรรมในโครงการ "Heart for Heroes (H4H)" จะประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ คือ 1. กิจกรรมผ่านออนไลน์ ที่เปิดให้ทุกคนสามารถส่งสติ๊กเกอร์ข้อความและพิมพ์ข้อความส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยผ่าน www.h4h-th.com หรือจะ มาคัฟเวอร์ท่าเต้นเพลง "โดนัทยังมีรู ยูก็มีเราเป็นแรงใจ" ในกิจกรรม "H4H Cover Cheer Tiktok Challenge" แล้วโพสต์ลงบัญชี Tiktok ของตัวเอง พร้อมติดแฮชแทก #H4H #HeartForHeroes #ส่งใจไปซีเกมส์ #SAT #NSDF และ 2. กิจกรรมทางออฟไลน์ ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมโรดโชว์เดินสายไปยังพื้นที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย และพื้นที่สาธารณะทั่วกรุงเทพฯ พร้อมด้วยขบวนกิจกรรมให้ความรู้และกิจกรรมร่วมสนุกที่ตามไปถึงที่ และปิดท้ายด้วยกิจกรรมอีเวนต์และปิดท้ายที่คอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และเชิญชวนประชาชนร่วมชม-เชียร์ และส่งกำลังใจให้ทัพนักกีฬาไทย
เมื่อพูดถึงความสำคัญของกำลังใจ ผู้ที่สามารถให้คำตอบเราได้ดีที่สุดคงเป็นนักกีฬานั่นเอง ดังนั้น ทันทีที่เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ "แป้ง-อัมพวา ท้วมอ้น" ตัวแทนนักกีฬาทีมบาสเก็ตบอลหญิง ดีกรีเจ้าของเหรียญทองบาสเก็ตบอลหญิงประเภท 3X3 กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ณ ประเทศเวียดนาม ในกิจกรรมโรดโชว์ "Heart for Heroes (H4H) ครั้งที่ 2" จึงได้ขอพูดคุยถึงความพร้อมในการแข่งขันของซีเกมส์ครั้งนี้ว่า
"ตอนนี้นักกีฬาทุกคนต่างก็เตรียมความพร้อมของตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งสำหรับทีมบาสเก็ตบอลหญิงได้มีการเตรียมความพร้อมเต็มที่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เหลือเพียงการปรับกระบวนทัพและเทคนิคอีกนิดหน่อย พวกเราเต็มที่กับการแข่งขันครั้งนี้มาก ๆ มั่นใจว่าจะรักษาแชมป์ประเภท 3x3 ได้ และสามารถคว้าชัยในประเภท 5x5 มาฝากพี่น้องชาวไทยให้ได้อย่างแน่นอน และอยากบอกทุกคนว่าแรงเชียร์สำคัญมาก จึงอยากให้ทุกคนร่วมเป็นกำลังใจและส่งแรงเชียร์ให้ทัพนักกีฬาไทยกันเยอะ ๆ ด้วยนะคะ"
ได้ฟังความเห็นของตัวแทนนักกีฬากันไปแล้ว คราวนี้ขอเป็นโอกาสของน้อง ๆ เยาวชน ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ ผ่านกิจกรรมโรดโชว์ "Heart for Heroes (H4H) ครั้งที่ 2" ได้แสดงความเห็นกันบ้าง โดยเริ่มกันที่ "นายธนวัฒน์ แสนตา" หรือน้องซิม อายุ 18 ปี ปัจจุบันน้องซิมกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวิชูทิศ พร้อมควบตำแหน่งนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทย และแชมป์ประเทศไทย จักรยานประเภทลู่ ปี 2565 ด้วย ซึ่งหนุ่มน้อยอนาคตไกลคนนี้ก็ได้เล่าความรู้สึกให้เราฟังว่า
"ผมเริ่มปั่นจักรยานมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เริ่มเข้าสู่สนามการแข่งขันจริงตั้งแต่อายุ 11 ขวบ และเคยแข่งขันจูเนียร์ แทร็ก เวิลด์ แชมเปี้ยน ชิพส์ 2022 ซึ่งผมเป็นคนชอบปั่นจักรยานเพราะให้ความสนุกและรู้สึกท้าทาย ได้ออกกำลังกาย และที่ขาดไม่ได้คือการได้เจอเพื่อน ๆ มากมาย และอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญคือผมมีพี่มะตูม พ.อ.อ. พีระพล ชาวเชียงขวาง นักปั่นทีมชาติไทย แชมป์จักรยานปีล่าสุด เป็นฮีโร่ในดวงใจ เพราะจุดเริ่มต้นของการเล่นกีฬาของพี่เขาและผมเหมือนกันคือ พี่เขาได้เริ่มปั่นจักรยานมาตั้งแต่เด็กเหมือนกับผม ส่วนที่ชอบเป็นพิเศษคือ สไตล์การปั่น และความเป็นนักสู้ที่ไม่ท้อถอย ขยันและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ผมได้ตั้งเป้าหมายและพร้อมพัฒนาศักยภาพสู่การเข้าร่วมแข่งขันในอาเซียนเกมส์ ซีเกมส์ ในอนาคตอันใกล้นี้ และอยากให้กำลังใจกับพี่ ๆ นักกีฬาว่า ผมรอคอยการแข่งขันซีเกมส์อย่างใจจดใจจ่อ พร้อมเชียร์ทีมชาติไทยในการแข่งขันทุกประเภท โดยเฉพาะการแข่งขันจักรยาน และฟุตบอล เป็นกำลังใจให้พี่ ๆ ทีมชาติทุกคนคว้าชัยชนะและนำเหรียญทองมาเป็นของขวัญให้กับคนไทยเยอะ ๆ นะครับ" น้องซิม กล่าวด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
ต่อกันที่สาวสวย "นางสาวณัฎฐนรี ลาลุน" หรือ น้องโมเดล อายุ 17 ปี ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวิชูทิศ และยังเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลในร่มของโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานครอีกด้วย
"หนูได้เริ่มเล่นวอลเลย์บอลมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เห็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเล่นแล้วรู้สึกสนุก หลังจากนั้นได้ลองเล่นแล้วติดใจ มุมมองต่อการเล่นกีฬาของหนูคือการได้ออกกำลังกายแล้วยังได้เจอเพื่อน ๆ ที่ชอบเล่นกีฬาเดียวกันในทีมอีก และยังมีแรงบันดาลใจที่สำคัญคือ พี่หน่อง-ปลื้มจิตร์ ถินขาว อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เพราะชอบทัศนคติของพี่หน่องอย่างมาก เป็นนักสู้ที่ไม่ย่อท้อ และจะเดินตามรอยพี่น้องในการเป็นนักกีฬาที่ดี และมีสปิริต อีกหนึ่งเป้าหมายของหนูคืออยากมีโอกาสได้เข้าร่วมทีมชาติ ได้เล่นในลีกต่างประเทศ และได้ฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอมีเมื่อเวลาว่างจากการเรียน สุดท้ายอยากบอกพี่นักกีฬาที่ไปแข่งซีเกมส์ในครั้งนี้ว่า หนูตื่นเต้นกับการแข่งขันครั้งนี้มาก ๆ พร้อมเป็นกำลังใจให้ทุกคนคว้าชัยชนะ รอเชียร์วอลเลย์บอลและบาสเก็ตบอลอยู่นะคะ ขอให้พี่ ๆ เต็มที่กับทุกแมตช์การแข่งขัน เอาชัยชนะและเหรียญทองกลับมาเยอะ ๆ นะคะ" น้องโมเดล กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ปิดท้ายกันที่น้องเล็กสุดของเรา "เด็กชายรพีภัทร ฉิมจีน" หรือ น้องพีค อายุ 15 ปี กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวิชูทิศ และเป็นนักกีฬาทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ที่ได้มาร่วมเล่าให้เราฟังด้วยว่า
"ผมเริ่มเล่นบาสเกตบอลตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชอบกีฬาประเภททีต้องใช้ความรวดเร็ว ชิงไหวพริบ และที่ชอบมากๆ คือการได้เล่นเป็นทีมเพราะได้มีเพื่อน ๆ มาเล่นเป็นทีมด้วย รู้สึกว่าสนุกและท้ายทาย ส่วนบุคคลที่ผมมองเป็นแรงบันดาลคือ สตีเฟน เคอร์รี่ (Stephen Curry) เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมันและทุ่มเทในการซ้อมอย่างหนัก และเทคนิคการยิงที่ไม่เหมือนใคร ถ้าเป็นทีมไทยผมชอบ เฟรดดี้ ลิช (Frederick Lee Jones Lish) นักกีฬาบาสเกตบอลชายทีมชาติ ผมทึ่งในลีลาและสไตล์ในการชู้ตที่ไม่เหมือนใคร และสุดท้ายนี้อยากชวนเชิญทุกคนมาร่วมให้กำลังใจ และส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาไทยกันเยอะ ๆ ถ้าผมได้มีโอกาสลงเล่นทีมชาติ และได้รับกำลังใจจากคนไทยด้วยกัน จะเป็นพลังที่สำคัญมาก ๆ ครับ" น้องพีค เล่าด้วยความมุ่งมั่น
ดังที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่า เสียงเชียร์ไม่ได้มีผลเพียงความคึกคักหรือความสนุกสนานข้างสนาม แต่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ราวกับมีนักกีฬาเพิ่มขึ้นในสนามอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะหนึ่งเสียงเล็ก ๆ หากมาพร้อมกับความตั้งใจที่มุ่งมั่น ก็สามารถรวมกันและเปลี่ยนให้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ ดังที่ตัวแทนนักกีฬาทีมชาติและน้อง ๆ เยาวชนว่าที่นักกีฬาเลือดใหม่ทั้ง 3 คน ได้มาเล่าให้เราฟังนั่นเอง.