ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสอดรับกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย้ำดูแลลูกค้าสินเชื่อทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง พร้อมสนับสนุนการออมและเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้า ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากบัญชีเงินฝากประจำพิเศษสูงสุด 0.60% ต่อปี
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า จากกรณีที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.50% ต่อปี เป็น 1.75% ต่อปี เพื่อให้สอดรับกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าว ทีเอ็มบีธนชาตได้พิจารณาปรับดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ โดยธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการออมเงิน เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น จึงได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ดังนี้
สำหรับลูกค้าบุคคลทั่วไป
- บัญชีเงินฝากประจำทั่วไป 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 20% ต่อปี
- บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการออมเงินที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกค้า ได้แก่ บัญชี ทีทีบี ดอกเบี้ยด่วน ประเภท 3 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 60% เป็น 1.10% ต่อปี โดยลูกค้าสามารถรับดอกเบี้ยไปใช้หลังการฝากเงินเพียง 7 วัน และ บัญชีเงินฝากประจำพิเศษ ทีทีบี เอ็กซ์คลูซีฟ 9 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.30% เป็น 1.20% ต่อปี โดยลูกค้าสามารถฝากระยะสั้น และได้รับผลตอบแทนสูง
สำหรับลูกค้านิติบุคคล
- กลุ่มลูกค้านิติบุคคลทั่วไป ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน บัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน และ 36 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 20% เป็น 1.40% ต่อปี และ 1.70% ต่อปี ตามลำดับ
- กลุ่มลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงิน บัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน และ 36 เดือน ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 20% เป็น 1.10% ต่อปี และ 1.40% ต่อปี ตามลำดับ
โดยการปรับขึ้นเงินฝากดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ ธนาคารมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี MLR (Minimum Loan Rate) 0.25% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MOR (Minimum Overdraft Rate) สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี 0.25% ในขณะที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี MRR (Minimum Retail Rate)
0.20% มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ธนาคารได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม และยังคงมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
"ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 นี้ ยังถูกประเมินว่าเติบโตได้ดีต่อเนื่อง แต่ยังคงมีปัจจัยภายนอกประเทศให้จับตามองอย่างใกล้ชิด การปรับอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้โดยเฉพาะในกลุ่มเงินฝากจะช่วยให้คนไทยสามารถสร้างผลตอบแทนจากการออมเงินได้มากขึ้น ตอกย้ำเป้าหมายของธนาคารในการ สร้างการชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยอย่างแท้จริง" นายปิติ กล่าวสรุป .