เกี่ยวกับ นักแสดง และทีมสร้าง D E C E P T I O N

ข่าวบันเทิง Tuesday April 22, 2008 16:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ฟิล์ม หรือ ดิจิตอล ดี?
“ผมตั้งใจจะสร้างพื้นที่สบายๆรอบกล้อง” แลนเจเนกเกอร์กล่าว “ผมคิดว่ามันจะช่วยได้ถ้าให้นักแสดงมีอิสระ ซึ่งมันจะช่วยผมด้วย เพราะถ้าเขารู้สึกสบาย ผมก็รู้สึกสบายด้วย ผมอยากสร้างบรรยากาศผ่อนคลายรอบๆกล้อง เพราะฉะนั้นบางครั้งนักแสดงจะไม่รู้สึกว่ามีกล้องอยู่ นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกใช้กล้อง Genesis รุ่นใหม่”
แม้จะมีข้อดีหลายข้อ แต่ทีมงานก็ใช้เวลานานกว่าจะตัดสินใจใช้กล้องดิจิตอล Panavision Genesis “ผมกับผู้กำกับภาพ ดังเต้ สปิน็อตติ เถียงกันอยู่นานว่าจะถ่ายทำด้วยฟิล์มหรือกล้อง Genesis” แลนเจเนกเกอร์เล่า “ผมอยากถ่ายด้วยฟิล์ม แต่เขาอยากถ่ายด้วยดิจิตอล เพราะฉะนั้นเราก็เลยถกเถียงกันเล็กน้อย มีอยู่หลายวันที่ผมมากองถ่ายและบ่นกับเขาว่า ‘ผมนอนไม่หลับเลยนะ ที่คุณจะใช้กล้อง Genesis ถ่าย’ แล้วก็มีหลายวันที่เขาบ่นเหมือนกันว่า ‘มาร์เซล ผมนอนไม่หลับเลย’”
“มันน่าสนใจนะที่นักทำหนังรุ่นใหม่อย่างแลนเจเนกเกอร์อยากใช้ฟิล์มแบบเก่าถ่าย แต่รุ่นเก๋าอย่างสปินน็อตติอยากใช้กล้องดิจิตอล” แลนเจเนกเกอร์เสริมว่า “ผมจำได้ว่าดังเต้บอกผมว่า ‘นายยังหนุ่ม ต้องใช้ของใหม่สิ! นายต้องใช้กล้อง Genesis นายต้องใช้เทคโนโลยีและพัฒนามัน มนุษยชาติต้องก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่จมอยู่กับของเก่าคร่ำครึ’” สุดท้ายทั้งคู่มาพบกันครึ่งทางเหมือนทุกครั้งที่เถียงกัน นั่นก็คือ ตอนกลางวันพวกเขาจะถ่ายทำด้วยฟิล์ม ส่วนตอนกลางคืนจะใช้กล้อง Genesis (แต่บางครั้งก็ใช้กล้อง Genesis ถ่ายตอนกลางวันด้วย)
สปินน็อตติชี้แจงเหตุผลที่เขาอยากใช้กล้อง Genesis ว่า “สิ่งที่กล้อง Genesis ทำได้คือจับภาพโลกแห่งความมืด เพราะฉะนั้นคุณจะสามารถมองเห็นภาพของโลกช่วงกลางคืนจนถึงเช้าวันใหม่ได้อย่างแท้จริง”
ปกติถ้าถ่ายทำตอนกลางคืน ทีมสร้างต้องจัดแสงให้สว่างมากๆ จนกระทั่งนักแสดงและทีมงานรู้สึกเหมือนตอนกลางวัน แม้สุดท้ายภาพจะออกมาเหมือนตอนกลางคืน แต่กล้อง Genesis สามารถถ่ายทำได้ด้วยปริมาณแสงเท่าที่มีอยู่ “กล้อง Genesis ไวต่อแสงมาก เพราะฉะนั้นมันสามารถเก็บภาพในเงามืดได้” สปินน็อตติกล่าว “เพราะฉะนั้นคุณจะสามารถถ่ายภาพได้ด้วยวิธีการที่ต่างออกไป คุณสามารถเก็บเสน่ห์ของสิ่งเหล่านั้นได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนมันเลย ซึ่งยิ่งทำให้หนังทั้งเรื่องน่าเชื่อถือมากขึ้น”
อีกสิ่งหนึ่งที่แลนเจเนกเกอร์และสปินน็อตติรอมชอมกันคือ เมื่อถ่ายทำด้วยกล้อง Genesis ต้องใช้เลนส์ซีสแบบเก่า แต่ถ้าถ่ายด้วยฟิล์มต้องใชเลนส์พรีม่าแบบใหม่ “เราพยายามทำให้ภาพดิจิตอลดูคมน้อยลงด้วยเลนส์แบบเก่า แต่พอถ่ายด้วยฟิล์มก็ใช้เลนส์แบบใหม่เพื่อให้ภาพออกมาคมชัดที่สุด จะได้เข้ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล” แลนเจเนกเกอร์เสริม “เราตั้งใจให้ภาพหนังออกมาเหมือนถ่ายทำด้วยฟิล์ม 70 มม.”
ออกแบบงานสร้างและเครื่องแต่งกาย
ผู้ออกแบบงานสร้างมือฉมัง แพทริเซีย วอน แบรนเดนสไตน์ และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซู แกนดี้ คือคนที่เข้ามาช่วยเนรมิตจินตนาการของสปินน็อตติและแลนเจเนกเกอร์ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา “โจนาธานไปตามบริษัทต่างๆทุกๆ 3 หรือ 4 วัน” วอน แบรนเดนสไตน์กล่าว “แต่เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเหล่านั้น เพราะฉะนั้นทุกบริษัทก็เลยมองดูเหมือนกันหมด อาจจะหรูหราต่างกันเล็กน้อย แต่มันก็เป็นแค่โลกธุรกิจเหมือนกันหมด แต่เมื่อเขาได้ค้นพบด้านดิบของมหานครนิวยอร์กจากไวแอต ฉันก็อยากแสดงให้เห็นว่ามันเย้ายวนเขาแค่ไหน แต่ขณะเดียวกันก็อันตรายด้วย เพราะฉะนั้นโลกนี้จึงเต็มไปด้วยแสงไฟ, พื้นผิวมันวาว และสีสัน แต่ก็มีความมืดแฝงอยู่”
แกนดี้เองก็พยายามถ่ายทอดความแตกต่างระหว่างโลกสองโลกของโจนาธาน “หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังสีสันสวยงามแน่นอน แต่ก็มีสีแดง, สีฟ้า และสีทอง สาดอยู่บ้างประปราย ส่วนแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้าของฉันมาจากหนังของฮิทช์ค็อค ซึ่งก็คือฟิล์มนัวร์ เราไม่ใช้สีเยอะ แต่ใช้เพื่อสื่อสารข้อความบางอย่าง มาร์เซลให้ฉันดูรูปภาพเมือง ว่าเขาอยากให้มันออกมาเป็นยังไง มีสีมันวาวของโลหะเยอะๆ สีเหลืองของรถแท็กซี่ สีเลือด และสีฟ้าใส”
ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ฉีกแนวจากเดิม แต่ก็ยังคงแสดงความคารวะต่อภาพยนตร์แนวนี้ “สิ่งที่มาร์เซล และดังเต้ และทีมงานทุกคนทำ คือสร้างบรรยากาศขุ่นมัวและเย้ายวนให้ Deception จนหนังให้ความรู้สึกเกือบเหมือนความฝัน มันเซ็กซี่และลึกลับ และจะยั่วยวนคุณให้หลงใหล หนังไม่ได้บีบคั้นคุณ และไม่ใช้สูตรสำเร็จแบบหนังระทึกขวัญทั่วไป แต่จะล่อคุณให้ติดกับ” ฮิวจ์ แจ๊คแมนกล่าวทิ้งท้าย
นักแสดง
ฮิวจ์ แจ๊คแมน รับบท ไวแอต โบส
ผลงาน The Prestige, X-Men, X2, X-Men: The Last Stand, Van Helsing, Kate and Leopold, The Fountain
รางวัล
- ได้รับรางวัล Academy of Science Fiction, Fantasy & Horror Film สาขานักแสดงยอดเยี่ยมจาก X-Men
- เข้าชิงรางวัล Academy of Science Fiction, Fantasy & Horror Film สาขานักแสดงยอดเยี่ยม The Fountain
- เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เพลง/ตลกจาก Kate & Leopold
ยวน แม็คเกรเกอร์ รับบท โจนาธาน แม็คควอร์รี่
ผลงาน Star Wars: Episode I - The Phantom Menace, Star Wars: Episode II - Attack of the Clones, Star Wars: Episode III — Revenge of the Sith, Trainspotting, A Life Less Ordinary, Velvet Goldmind, Little Voice, Moulin Rouge!, Black Hawke Down, Down With Love, Big Fish, The Island, Stormbreaker, Miss Potter
รางวัล
- ได้รับรางวัล Empire Award สาขานักแสดงอังกฤษยอดเยี่ยม 4 ปีซ้อน จาก Shallow Grave (1994), Trainspotting (1996), A Life Less Ordinary (1997) และ Moulin Rouge! (2001)
- เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เพลง/ตลกจาก Moulin Rouge!
- เข้าชิงรางวัล Academy of Science Fiction, Fantasy & Horror Film สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจาก Star Wars: Episode I - The Phantom Menace
มิเชลล์ วิลเลี่ยมส์ รับบท เอส
ผลงาน Brokeback Mountain, I’m Not There, Imaginary Heroes, Halloween H2O: 20 Years Later, Lassie
รางวัล
- เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Brokeback Mountain
- เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Brokeback Mountain
ทีมสร้าง
มาร์เซล แลนเจเนกเกอร์ — กำกับการแสดง
ผลงาน Deception คือผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของแลนเจเนกเกอร์ แต่ก่อนหน้านี้เขาคือผู้กำกับโฆษณาเนื้อหอมที่ได้รับรางวัลสิงโตเงินที่เทศกาลภาพยนตร์โฆษณานานาชาติเมทองคานส์จากผลลงานสปอตโฆษณา Doctor’s Without Borders และรางวัล Clio Award จากผลงานสปอตโฆษณา Migros
อาร์โนลด์ ริฟกิน — อำนวยการสร้าง
ผลงาน Bandits, Hart’s War, The Crocodile Hunter: Collision Course, Tears of the Sun, The Whole Ten Yards, Hostage, Just My Luck, Die hard 4 — Live Free or Die Hard
จอห์น พาเลอร์โม — อำนวยการสร้าง
ผลงาน Wolverine, X-men: The Last Stand
ร็อบบี้ เบรนเนอร์ — อำนวยการสร้าง
ผลงาน Serendipity, View from the Top, Haven, Alien VS Predator 2
เดวิด บุชเชล — อำนวยการสร้าง
ผลาน Eternal Sunshine of the Spotless Mind, Niagara, Niagara, Strangeland
คริสโตเฟอร์ อีเบิร์ท — อำนวยการสร้าง
ผลงาน The Watcher, The Punisher, Lord of War, Edison, Lucky Number Slevin
ดังเต้ สปินน็อตติ — กำกับภาพ
ผลงาน Heat, L.A. Confidential, The Insider, Bandits, Red Dragon, After the Sunset, X-men: The Last Stand
แพทริเซีย วอน แบรนเดนสไตน์ — ออกแบบงานสร้าง
ผลงาน Amadeus, A Simple Plan, Man on the Moon, Shaft, Mercury Rising, Just Cause, The Emperor’s Club, The Ice Harvest, All the King’s Men
ซู แกนดี้ — ออกแบบเครื่องแต่งกาย
ผลงาน Just My Luck, The Interpreter, The Hours, Two Weeks Notice, You’ve Got Mail, Guarding Tess

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ