ผู้ถือหุ้น บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) ไฟเขียวปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 26 พ.ค. นี้ ฟากซีอีโอ "ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ" ย้ำเป้ารายได้ปี 66 โตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 130% หรืออยู่ที่ประมาณ 6,000-6,600 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ วางกลยุทธ์สร้างความสมดุลระหว่างสัดส่วนรายได้อสังหาแนวราบ-แนวสูง-ธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง พร้อมตุนยอดขายรอโอนแล้วกว่า 6,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาวต่อเนื่องอีก 3 ปีข้างหน้า หนุนอนาคตเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด "Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต" เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 มีมติอนุมัติจัดสรรเงินกำไรสุทธิประจำปี 2565 เป็นทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 15,735,270.64 บาท และอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 59,635,072.35 บาท โดยมีรายละเอียดตามที่เสนอทุกประการด้วยคะแนนเสียงข้างมากของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและออกเสียงลงคะแนน
โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 15 มีนาคม 2566 ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 14 มีนาคม 2566 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2566
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ 6,000 - 6,600 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 130% จากปีก่อน โดยคาดการณ์รายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 6,000 ล้านบาท สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบประมาณ 38% และโครงการแนวสูงประมาณ 62% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆ ซึ่งมีแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากอานิสงส์การกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
"เรามุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ และธุรกิจอื่นๆ อยู่เสมอเพื่อให้ SA เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร จากการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งที่มีอยู่แล้วและต่อยอดธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่เด่นชัด และด้วยกลยุทธ์สร้างความสมดุลระหว่างสัดส่วนรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และรายได้จากธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งเป็นการปรับโมเดลธุรกิจเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป" นายขจรศิษฐ์ กล่าว
ขณะที่ปัจจุบันมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ (อยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์) จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท และโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 19,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2568