บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยอุปสรรคต่างๆ คลี่คลายลงจากที่เคยส่งผลรุนแรงสูงสุดในไตรมาสที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะยังคงต่ำกว่าระดับปกติ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับประโยชน์เต็มที่จากการเปิดประเทศอีกครั้งของจีน ซึ่งกระตุ้นปริมาณการซื้อขายตลอดทั้งปี ประกอบกับต้นทุนพลังงานและการระบายสต็อกของลูกค้าที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
อินโดรามา เวนเจอร์ส มี Reported EBITDA เท่ากับ 301 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 269 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลงร้อยละ 62 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยปริมาณขายลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบปีต่อปี ท่ามกลางแนวโน้มการระบายสต๊อกอย่างหนักที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ทั่วโลก ถึงแม้ว่าปริมาณการขายจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เนื่องจากอัตราการระบายสต็อกเริ่มชะลอตัวลงจากจุดสูงสุดในไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2565 การที่จีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งจากการล็อคดาวน์ป้องกันการแพร่ระบาด รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ส่วนต่างระหว่างต้นทุนและราคาขายปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะต่ำกว่าระดับที่ผ่านมาในอดีตก็ตาม นอกจากนี้ ฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในยุโรป ส่งผลให้ราคาพลังงานลดลง และช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านต้นทุนที่ต้องเผชิญในปีที่ผ่านมา
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า "เราเห็นสัญญาณเริ่มต้นว่าอุปสรรคที่ผิดปกติอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของเรา กำลังเริ่มคลี่คลายลงจากระดับสูงสุด แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะในการฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ เรายังคงสานต่อความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเราอย่างต่อเนื่อง อาทิ การดำเนินการกับโรงงานที่ทำกำไรได้เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป สำหรับในเอเชีย เรากำลังเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมมากขึ้นเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกสำหรับธุรกิจต่างๆ ของเรา และเรากำลังเสริมสร้างความเป็นผู้นำทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก เพื่อส่งมอบผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ โครงการปรับเปลี่ยนต้นทุนที่กำลังดำเนินอยู่อย่าง Project Olympus ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนประสิทธิผลในการดำเนินงานต่อไปในปี 2566"
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ในภาพรวมลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากการระบายสต๊อกอย่างต่อเนื่องของลูกค้าทำให้ปริมาณการขายต่ำกว่าระดับการบริโภคของผู้บริโภค โดยกลุ่มธุรกิจ Combined PET มี Reported EBITDA เท่ากับ 142 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 74 เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากปริมาณขายลดลงร้อยละ 9 ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Fibers มี Reported EBITDA เท่ากับ 32 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 69 เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์รายงานยอดขายที่ลดลง สำหรับกลุ่มธุรกิจ IOD มี Reported EBITDA เท่ากับ 128 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องจากปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบปีต่อปี