SMART เผยผลประกอบการ Q1/66 รายได้รวม 172.64 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24.79 ล้านบาท โต 197.46% แย้มทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/66 โตต่อ โครงการเมกะโปรเจคภาครัฐ โครงการ EEC ผลักดันความเชื่อมั่นนักลงทุน ผู้ประกอบการอสังหาฯ เปิดโครงการใหม่ เร่งเดินหน้าพัฒนานวัตกรรม ยกระดับผลิตภัณฑ์ สร้างมาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายดีลเลอร์ โมเดิร์นเทรดครอบคลุมทั่วประเทศ ดันรายได้โตตามเป้า
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 172.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 137.71 ล้านบาท จำนวน 34.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.36% และมีกำไรสุทธิ 24.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.336 ล้านบาท จำนวน 16.46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 197.46%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการเปิดประเทศผลักดันให้ ตลาดวัสดุก่อสร้างกลับมาคึกคัก ผู้ประกอบการอสังหาฯเปิดโครงการใหม่ โครงการเมกะโปรเจคภาครัฐ โครงการการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC เร่งเดินหน้าก่อสร้างตามแผน ส่งผลให้ความต้องการใช้งานวัสดุก่อสร้างอิฐมวลเบา-อิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่มขึ้น
สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/66 แนวโน้มเติบโตดี จากการส่งเสริมของภาครัฐทำให้เกิดการลงทุนตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC ) เพิ่มขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ ทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและยกระดับผลิตภัณฑ์ อิฐมวลเบา และ อิฐมวลเบาตกแต่งเพื่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอบโจทย์ความต้องการเทรนด์ผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึง ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโครงการที่อยู่อาศัย ตามมาตรฐานของ WELL และ LEED อีกทั้ง ผู้รับเหมาก่อสร้าง บริษัทรับสร้างบ้าน ที่ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาที่ก่อง่าย รวดเร็ว ทำให้การส่งมอบงานทำได้เร็วขึ้น
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา SMART BLOCK ผ่านการรับรองการติดฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5 และ การรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้านผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)
อีกทั้ง บริษัทเร่งขยายช่องทางจำหน่าย ผ่านดีลเลอร์ กลุ่มร้านค้ารายย่อย และ โมเดิร์นเทรด เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยวางจำหน่ายที่ ไทวัสดุ 70 สาขา โกลบอลเฮาส์ 77 สาขา ดูโฮม 10 สาขา ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์ Online to Offline กระตุ้นการสร้างยอดขายให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้