'บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ WICE' ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เดินหน้าขยายงานด้านซัพพลายเชน โซลูชั่นส์อย่างต่อเนื่อง พร้อมมั่นใจครึ่งปีหลังธุรกิจขนส่งโตต่อเนื่องรับไฮซีซั่น เดินหน้าสร้าง Key Driver สำคัญ แย้มอยู่ระหว่างศึกษาการทำโปรเจ็กต์ EV TRUCK ร่วมกับพันธมิตร ประกาศผลงานไตรมาส 1/2566 ทำรายได้ 1,035 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,035 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,166 ล้านบาท นับเป็นช่วงอ่อนตัวตามฤดูกาลของธุรกิจที่เข้าสู่ Low Season ประกอบกับได้รับผลกระทบจากอัตราค่าระวางเรือที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว โดยลดลงกว่า 80% แต่อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถทำปริมาณการขนส่งได้เติบโตใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ 55 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 158 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามรายได้ที่ลดลง ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการจัดการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเพิ่มอัตรากำขั้นต้นได้ถึง 21% สูงช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 16%
สำหรับธุรกิจงานบริการด้านซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ นับเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตได้ดีในไตรมาส 1/2566 โดยบริษัทฯ สามารถทำรายได้เพิ่มตามการขยายพื้นที่คลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยคาดว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะสามารถบริหารพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มขึ้นกว่า 30,000 ตารางเมตร ส่งผลให้สิ้นปี 2566 จะมีพื้นที่คลังสินค้ารวม 60,000-70,000 ตารางเมตร ถือว่าเติบโตได้ตามแผนระยะยาว 3 ปี (ปี 2565-2567) จะมีพื้นที่คลังสินค้ารวม 100,000 ตารางเมตร พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้นำระบบไอทีเข้ามาช่วยบริหารงานให้แก่ลูกค้า รวมไปถึงการวิเคราะห์คลังสินค้า เพื่อเสริมการบริหารสินค้าคงคลังให้กับลูกค้าได้แบบครบวงจร ขณะที่ธุรกิจขนส่ง ทั้งการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) ซึ่งรายได้มักจะอ้างอิงจากปริมาณการขนส่งอยู่แล้ว และเมื่อการส่งออกในไตรมาส 1/2566 ชะลอตัวจึงมีผลกระทบต่อบริษัทฯ เล็กน้อย แต่เชื่อว่าจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลังอย่างแน่นอน
นายชูเดช คงสุนทร กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจแม้ว่าไตรมาส 1 ตัวเลขไม่โดดเด่น แต่ยังเป็นไปตามที่ประมาณการไว้ เนื่องจากอยู่ในช่วง Low Season ประกอบกับภาคการส่งออกของประเทศไทยไตรมาส 1/2566 คาดว่าจะหดตัวราว 10% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 (YoY) ขณะที่ภาพรวมการส่งออกของไทยก่อนหน้านี้มีการเติบโตค่อนข้างสูง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก เช่น จีน สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ดังนั้นหากสามารถบริหารปัจจัยเรื่องราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และอัตราแลกเปลี่ยนได้ คาดว่าการส่งออกจะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ (อ้างอิงจากสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท.) ซึ่งจะช่วยผลักดันผลงานของ WICE ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
"เรามองว่าภาพรวมตลาดในครึ่งปีหลังจะกลับมาเติบโตได้ดีขึ้น และตลาดหลักอย่างประเทศจีนมีการยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ไม่มีการปิดด่าน ทำให้ขนส่งสินค้าได้อย่างสะดวก เชื่อว่าจะเห็นปริมาณการขนส่งกลับมาเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดอเมริกาก็คาดว่าจะเติบโตได้ดีขึ้นในครึ่งปีหลังเช่นเดียวกัน สอดรับกับค่าระวางเรือที่คาดจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ตามปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น" นายชูเดช กล่าว
บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายงานอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการหลายส่วน ได้แก่ ความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จำกัด ที่ได้ลงนาม MOU เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อขยายฐานลูกค้าเดิมไปยังกลุ่ม B2B2C (Business-to-Business-to-Customer) คาดว่าจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นใน
ครึ่งปีหลัง รวมถึงวางแผนการจัดการคลังสินค้าแบบพร้อมส่ง (Fulfilments Canter) ให้กับลูกค้า เพื่อสนับสนุนยอดวอลุ่มเพิ่มเติม ขณะที่ความร่วมมือกับบริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT เป็นโครงการบริหารจัดการด้าน Green Logistics Hub โดยจะพัฒนาเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ล่าสุดได้เข้าไปปรับปรุงและพัฒนาที่ดินของกลุ่มสมบูรณ์ฯ บริเวณโรงงานย่านถนนบางนา-ตราด กม.15 จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนพื้นที่จังหวัดระยองอยู่ในขั้นตอนพูดคุยเพื่อเตรียมการก่อสร้าง รองรับการขยายธุรกิจคลังสินค้าและการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรต่อไป
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากับพันธมิตร ซึ่งเป็นบริษัทยานยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อทำโปรเจ็กต์นำรถบรรทุกไฟฟ้า (EV TRUCK) เข้ามาช่วยในการขนส่ง ทดแทนการใช้รถยนต์สันดาป ทั้งนี้ การโปรเจ็กต์ดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับนโยบายของลูกค้าแต่ละบริษัทด้วย คาดว่าจะมีความชัดเจนในครึ่งปีหลังของปี 2566 ซึ่งตามหากดีลสำเร็จคาดว่าจะเป็นหนึ่งใน Key Driver สำคัญของบริษัทฯ ในอนาคต