SGP คาดยอดขายครึ่งปีแรกเติบโตได้ตามเป้าหมาย สะท้อนจากปริมาณขายก๊าซ LPG ในงวด Q1 และช่วง 1.5 เดือนแรกของ Q2/66 สามารถส่งมอบก๊าซ LPG ได้ตามสัญญา ตามความต้องการใช้ก๊าซที่พุ่งสูงขึ้น จากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในหลายประเทศ รวมไปถึงการท่องเที่ยวก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่องหลังจากที่ชะลอการลงทุนในช่วงโควิดที่ผ่านมา เพื่อสร้างโอกาสเติบโต ล่าสุดประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/66 มี รายได้รวมจากการขายและให้บริการ 24,657.67 ลบ. และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 283.76 ลบ.
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 66 คาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย สะท้อนจากปริมาณขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในงวดไตรมาส 1/66 และช่วง 1.5 เดือนแรกของไตรมาส 2/66 สามารถส่งมอบก๊าซ LPG ได้ตามสัญญา ส่งผลให้ ณ ปัจจุบันยอดขายในประเทศเติบโตเฉลี่ยราว 5% YoY และยอดขายต่างประเทศ (Offshore Trading) เติบโตเฉลี่ยราว 12-15% YoY
โดยปี 66 นี้ บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 12% จากปีก่อน และมียอดขายประมาณ 4.05 ล้านตัน เติบโตประมาณ 12.40% จากปีก่อน แบ่งเป็นในประเทศ 0.86 ล้านตัน เติบโต 7%, Offshore Trading 1.60 ล้านตัน เติบโต 12.90%, ประเทศจีน 1.30 ล้านตัน เติบโต 16.20%, ประเทศเวียดนาม 0.11 ล้านตัน เติบโต 8.10%, ประเทศสิงคโปร์ 18,500 ตัน เติบโต 8.10% และประเทศมาเลเซีย 0.16 ล้านตัน เติบโต 10.40% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย การเปิดประเทศในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งจะทำให้ยอดขายในประเทศจีนปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนงบการลงทุนปี 66 นี้ บริษัทตั้งไว้ประมาณ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนขยายธุรกิจในประเทศประมาณ 200 ล้านบาท ลงทุนขยายธุรกิจในต่างประเทศประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อขยายถังก๊าซที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย และขยายการลงทุนเพิ่มในประเทศเวียดนาม
สำหรับธุรกิจในประเทศไทยที่ผ่านมา ได้มีการขยายธุรกิจก๊าซ LPG โดยการเพิ่มโรงอัดบรรจุก๊าซ LPG และสถานีบริการน้ำมันภายใต้ความร่วมมือกับบางจาก รวมถึงการขยายธุรกิจขนส่งทั้งทางรถและทางเรือ การลงทุนซื้อธุรกิจผลิตถังก๊าซ LPG เพื่อรองรับปริมาณการใช้ก๊าซ LPG ที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนของธุรกิจต่างประเทศ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนซื้อธุรกิจคลังเก็บก๊าซ LPG และโรงบรรจุก๊าซ LPG เพื่อประกอบธุรกิจค้าก๊าซ LPG ในประเทศต่างๆ โดยปัจจุบันบริษัทมีคลังก๊าซ LPG ในประเทศจีน เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งยังมีการลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
ล่าสุดผลประกอบการในงวดไตรมาส 1 ปี 2566 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 283.76 ล้านบาท และมีรายได้รวมจากการขายและให้บริการ 24,657.67 ล้านบาท โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกในงวดไตรมาส 1/66 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 706 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อเมตริกตัน