กลุ่ม KTIS เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 งวดปีบัญชี 2566 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2566 เติบโตกว่างวดเดียวกันของปี 2565 อย่างโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิ 1,139.6 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 65.3% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.30 บาท สายธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลมีรายได้เพิ่มจากปีก่อนถึง 75.5% สายน้ำตาลโต 16% และสายธุรกิจเยื่อกระดาษชานอ้อยโต 9.3%
นายสมชาย สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 (ม.ค.-มี.ค. 66) เติบโตขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งรายได้และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้รวม 6,392.0 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 15% มีกำไรสุทธิ 1,139.6 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 65.3% และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.30 บาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.18 บาท
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโต คือปริมาณและคุณภาพอ้อยที่สูงกว่าปีก่อน ทำให้มีวัตถุดิบมากขึ้นในการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย เยื่อกระดาษชานอ้อย และไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ประกอบกับราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง ราคาขายเยื่อกระดาษ และราคาขายไฟฟ้า ก็สูงกว่าปีก่อน จึงทำให้ 3 สายธุรกิจนี้มีการเติบโตที่โดดเด่น
"สายธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 75.5% สายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย รายได้เพิ่มขึ้น 16% และสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อย รายได้เพิ่มขึ้น 9.3%" นายสมชายกล่าว