'บมจ.ทีวี โฮลดิ้งส์' หรือ TVDH คาดการณ์ไตรมาส 2/2566 มีโอกาสพลิกเทิร์นอะราวด์ จากไตรมาสแรกของปีนี้ที่ยังมีผลขาดทุนสุทธิ หลังปรับโครงสร้างธุรกิจเพิ่มความคล่องตัวขยายธุรกิจและลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โชว์ 3 กลุ่มธุรกิจในเครือ ได้แก่ กลุ่ม Organic กลุ่มธุรกิจ Inorganic และกลุ่มธุรกิจ Startup พื้นฐานแข็งแกร่ง การทำงานคล่องตัวรับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วดันรายได้ทะยาน มั่นใจยุทธศาสตร์ทรานฟอร์เมชั่น 'ซูเปอร์ โฮลดิ้ง คัมปานี' หนุนธุรกิจสู่การเติบโตแข็งแกร่ง
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVDH เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/ 2566 จะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ และมีโอกาสจะเทิร์นอะราวด์กลับมาทำกำไร หลังจากได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจสู่ "ซูเปอร์โฮลดิ้งส์ คัมปานี" โดยปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Organic (ธุรกิจเดิม) กลุ่มธุรกิจ Inorganic (ธุรกิจใหม่) และกลุ่มธุรกิจ Future (ธุรกิจแห่งอนาคต) หรือ Start up ส่งผลให้การดำเนินงานเริ่มมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตลอดจนมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถลดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากนโยบายการทรานส์ฟอร์มธุรกิจก้าวสู่ซูเปอร์ โฮลดิ้ง คัมปานี ตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขายของบริษัทย่อยต่างๆ ได้แก่ ทีวี ไดเร็ค, ทีวีดี เอ็ม, ทีวีดี โบรกเกอร์, เอบีพีโอ, เอ็กซ์-เพรสโซ่ (ไทย) และฟู้ด ออเดอรี่ และจากธุรกิจใหม่ที่เข้าไปลงทุนได้สร้างรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลดำเนินงานของบริษัทฯ มีผลขาดทุนลดลงตามลำดับ โดยล่าสุดผลประกอบการไตรมาส 1 มีรายได้รวม 575.86 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิ 29.83 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 570.21 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 31.83 ล้านบาท แต่หากมองการเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือไตรมาส 1 ปี 2565 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 133.79 ล้านบาท นับว่าผลประกอบการดีขึ้นมากถึง 4.48 เท่า สะท้อนแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของทั้งธุรกิจหลักและธุรกิจในเครือทั้งหมด
"สำหรับการขาดทุนในไตรมาส 1/2566 นี้ มีสาระสำคัญที่ธุรกิจหลักอย่าง TV Direct ได้ขาดทุนลดลงจนเหลือเพียงหลักล้านบาทในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และธุรกิจในส่วนของ Organic ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโดยเฉพาะธุรกิจ Ecommerce ที่ลดลงกว่า 20% ตลอดจนการลงทุนใน POS ที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย ดังนั้นองค์ประกอบของการขาดทุนจึงเปลี่ยนไปและธุรกิจหลักเริ่มพลิกฟื้นดีขึ้นอย่างน่าพอใจ" นายทรงพล กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ "กลุ่มธุรกิจ Organic" ประกอบด้วย ทีวี ไดเร็ค, เอบีพีโอ, เอ็กซ์เพรสโซ่, ทีวีดี โบรกเกอร์ โดย ทีวี ไดเร็ค มีผลขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่องจากการปรับกลยุทธ์การขายสินค้า การใช้สื่อทีวีโฮมช้อปปิ้ง และการบริหารต้นทุนได้โดยวางแผนใช้มีเดียหรือค่าเช่าเวลาออกอากาศทางช่องทีวีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
ขณะที่ 'กลุ่มธุรกิจ Inorganic" ประกอบด้วย ทีวีดีเอ็ม, ทีวีดีซี, ทีวีดี เอ็กซ์ซูเซีย และการร่วมลงทุนกับเฟิร์สไมล์ สำหรับทีวีดีเอ็มได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นการดำเนินงานในโครงการ Proof of Work เป็นหลัก ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องจากการขุดและขายบิตคอยน์ และยุติการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ Node Validator
(ผู้ตรวจสอบธุรกรรมบน Block Chain) ของ Bitkub (Bitkub Chain) โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ได้ดำเนินการขายคืนเหรียญ KUB ที่ใช้ค้ำประกันการเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวแก่ Bitkub ที่ราคาทุน 104.14 บาท จำนวน 125,000 KUB รวมเป็นเงิน 13,017,500 บาท ตามข้อตกลงรับประกันการซื้อคืนในราคาทุน นอกจากนั้นแล้วยังเตรียมยุติการดำเนินงานในโครงการ Proof of Staking (POS) หรือการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเพื่อนำเหรียญดิจิทัลเป็นหลักประกัน แลกกับการเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรมในการสร้างหรือบันทึกข้อมูลธุรกรรมผ่าน Block Chain เนื่องจากผลการลงทุนยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เหตุเพราะราคาสกุลเงินดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนสูง ขณะที่ กลุ่มธุรกิจ Future (ธุรกิจแห่งอนาคต) ที่เข้าลงทุนในสตาร์ตอัพ ประกอบด้วย ฟู้ด ออเดอรี่, เพนกวินเอ็กซ์, นาสเก็ต รีเทล, อี๊ตแล็บ, Blockfint ยังมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย โดยบริษัทฯ เน้นการลงทุนในธุรกิจที่สามารถมาต่อยอดกับธุรกิจในเครือได้
ล่าสุด บริษัทฯ เตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญ ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เพื่อขอมติลดทุนและทำการล้างขาดทุนสะสมของผลประกอบการปี 2565 ซึ่งจะส่งผลให้ บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVDH มีกำไรสุทธิ 8.52 ล้านบาท ณ ไตรมาสที่ 1 พร้อมเตรียมตัวในการพลิกฟื้นให้กลับมาสร้างผลประกอบการที่ดีต่อไป