i-Store Self Storage กางแผนธุรกิจปี 2566 มุ่งเน้นสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เล็งเปิดสาขาเพิ่ม 2 แห่ง รับการขยายตัวอุตสาหกรรม Self-Storage ย่านธุรกิจใจกลางเมือง แก้ปัญหาคนพื้นที่น้อยแต่ของเยอะ เพิ่มบริการตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ผนึกผู้ถือหุ้นและพันธมิตรธุรกิจ WHA, SME D Bank และ SC Asset ร่วมลงทุนเสริมศักยภาพ ดันรายได้โตตามเป้าหมาย พร้อมยื่นไฟลิ่งหุ้นกู้ อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.95% ต่อปี เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกิน 150 ล้านบาท คาดจองซื้อวันที่ 19-21 มิ.ย. 2566 และคาดออกหุ้นกู้วันที่ 22 มิ.ย. 2566
นายภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจบริการให้เช่าห้องเก็บของหรือทรัพย์สินส่วนตัว (Self-Storage) ภายใต้เครื่องหมายการค้าแบรนด์ i-Store เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจ Self-Storage ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับตลาดธุรกิจ Self-Storage ในทวีปเอเชียที่ยังมีโอกาสขยายตัว เมื่อเทียบกับตลาด Self-Storage ระดับโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา และ ยุโรป ด้วยพฤติกรรมการเลือกที่พักอาศัยในเขตเมืองและมีแนวโน้มของพื้นที่อยู่อาศัยลดลง ประกอบกับตลาดธุรกิจออนไลน์ ส่งผลให้เกิดความต้องการพื้นที่การจัดเก็บสินค้าของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทจึงมีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง ในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ได้แก่ สาขาอุดมสุข และ สาขาอ่อนนุช เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์และความต้องการพื้นที่จัดเก็บสินค้าของคนเมืองที่มีแนวโน้มการอยู่อาศัยของประชากรอย่างหนาแน่น โดยมีจำนวนอสังหาฯแนวสูงในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทประมาณ 150 โครงการ ปัจจุบันบริษัทมีการให้บริการทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาสีลม อัตราการเช่า 98%, สาขาสุขุมวิท 24 อัตราการเช่า 93%, สาขาสุขุมวิท 71 อัตราการเช่า 57% และ สาขาแห่งใหม่ สาทรวัน เปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2566 อัตราการเช่า 6% และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นด้านพื้นที่ให้บริการตั้งอยู่ในย่านเขตเศรษฐกิจใจกลางเมือง (Central Business District หรือ CBD) ที่มีความต้องการพื้นที่เก็บสินค้าทั้งสำนักงานและที่อยู่อาศัยในละแวกสีลม และ สาทร
นอกเหนือจากธุรกิจให้บริการ Self-Storage ที่มีสัดส่วนรายได้ 67.21% บริษัทยังมีการเพิ่มบริการอื่นๆ อาทิ i-Store Go Door to Door Storage บริการรับฝากสิ่งของส่วนตัวถึงบ้านผ่านระบบการจัดการแบบออนไลน์ โดยให้บริการทั้งการขนย้าย การบรรจุ (Packing) และจัดเก็บรักษาสิ่งของให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน พร้อมนำส่งคืนให้กับลูกค้าที่สามารถดำเนินการด้วยตนเอง, ธุรกิจออกแบบและติดตั้ง (Self-Storage Design & Construction), การรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่ (Storage Management) และ การติดตั้งและจำหน่ายตู้จัดเก็บของ ภายใต้แบรนด์ i-Store ในพื้นที่โครงการคอนโดมิเนียมหรือนิติบุคคลอาคารชุด (License Unmanned Storage)
นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นความร่วมมือกับผู้ถือหุ้นและพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อีกทั้งบริษัทเป็นผู้ให้บริการ Self-Storage แห่งแรกที่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด เข้าร่วมลงทุน และ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยผ่าน "กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs" ตอกย้ำศักยภาพการบริหารธุรกิจที่มีคุณภาพ ผ่านการขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุม และ เพิ่มบริการใหม่ให้ครบครันทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า
"อุตสาหกรรม Self-Storage ในประเทศไทยยังมีโอกาสขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงที่ผ่านมามีจำนวนธุรกิจให้เช่าพื้นที่เปิดให้บริการเพียง 32 แห่งทั่วประเทศ หรือเทียบเท่าประชากรทั้งประเทศเพียง 1% เท่านั้น บริษัทจึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจผ่านการเพิ่มสาขาการให้บริการให้ครอบคลุม ควบคู่ไปกับการสร้างบริการที่สะดวกสบาย มีคุณภาพและราคาเป็นมิตร เสมือนว่า i-Store เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งในบ้านลูกค้า ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับคนที่อาศัยอยู่ในเมือง โดยสร้างการเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของอสังหาฯในย่าน CBD และทำเลคุณภาพต่างๆ ส่งผลให้มีจำนวนอัตราการเช่าต่อสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากความมั่นใจในศักยภาพที่ดีของบริษัท คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ตรงตามเป้าหมาย" นายภักดี กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยยื่นแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2566 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ย 6.95% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกิน 150 ล้านบาท เสนอขายแก่ กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (PP-II&HNW) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติจาก ก.ล.ต. คาดว่าจะกำหนดวันจองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2566 และคาดว่าสามารถออกหุ้นกู้ในวันที่ 22 มิถุนายน 2566