YLGเปิดตัว Get Gold แอปฯเทรดทองเพื่อรายย่อย เพิ่มโอกาสนักลงทุนรุ่นใหม่ทำกำไรได้24ชม.ลงทุนขั้นต่ำเพียง100บ.!!!! มองเทรนด์ทองคำระยะสั้นแม้ปรับตัวลงแต่ระยะกลาง-ยาวมีลุ้นทะลุไฮ 2,079
วายแอลจีเปิดมิติใหม่ครั้งแรกในไทย! รายย่อยอยากเทรดทองต้องได้เทรด เริ่มเลย!!100 เดียวก็ซื้อ-ขายได้ทั้งวัน 24 ชั่วโมง ผ่านแอปพลิเคชัน Get Gold ซื้อทองเริ่ม 100 บาท สูงสุด 80 กิโลกรัมทองคำ ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด เพิ่มโอกาสรายย่อยที่อยากลงทุนในทรัพย์สินปลอดภัย ทั้งกลุ่มคนเริ่มทำงาน กลุ่มนักศึกษา เทรดทอง Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง อยู่ที่ไนก็ไม่พลาดโอกาสการลงทุน ใช้เอกสารยืนยันตัวตนเพียง บัตรประชาชน และสมุดบัญชีเงินฝาก หลังเทรดถอนเงินสด หรือสะสมครบ 1 กรัมรับทองคำไว้สะสมเลือกได้ตามต้องการ พร้อมมองทิศทางทองคำในระยะกลาง-ยาวเป็นการแกว่งตัวในทิศทางค่อยๆ ปรับตัวขึ้น แม้ระยะสั้นทองคำจะปรับตัวลง แต่ระยะยาวปีนี้มีลุ้นทำนิวไฮทะลุ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่าเมื่อช่วงต้นไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นไปอย่างร้อนแรงจนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะทรัพย์สินปลอดภัย ทำให้นักลงทุนทุกกลุ่มติดต่อเข้ามาเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เช่นกลุ่มคนเริ่มทำงาน นักเรียน นักศึกษา และคนทั่วไป ที่เริ่มให้ความสนใจลงทุนในทองคำ จากความต้องการดังกล่าว YLG จึงได้นำไปต่อยอดจนสามารถเปิดให้บริการแอปพลิเคชัน Get Gold ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง และเข้าถึงง่ายผ่านปลายนิ้วด้วยสมาร์ตโฟน โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนเพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้อนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ - ขาย ทองคำได้ทันที ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 100 บาท
"ขั้นตอนการเข้าถึงการลงทุนทองคำก่อนนี้อาจจะมีความซับซ้อน แต่ YLG ได้พัฒนาการให้บริการด้วยเทคโนโลยีเพื่อให้นักลงทุนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียมกัน ขั้นตอนการสมัครจบที่แอปพลิเคชัน ไม่ต้องไปยืนยันตัวตนที่สาขา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล ด้วยการแนบเอกสารการยืนยันตัวตนเพียง 2 อย่างคือ รูปถ่ายบัตรประชาชาน สมุดบัญชีเงินฝาก และทำการยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายรูปคู่บัตรประชาชน สำหรับผู้ที่สมัครผ่านแล้ว สามารถทำการซื้อขายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในแต่ละวันแล้วสามารถถอนเงินออกมา หรือจะสะสมจนครบ 1 กรัม แล้วทำการขายเพื่อแลกเป็นทองคำแท่งก็สามารถเลือกได้ตามความต้องการ สามารถเลือกได้ทั้งทอง 96.5% และ 99.99% โดยทาง YLG ได้ร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในการบริการส่งทองคำถึงหน้าบ้าน พร้อมทำประกันเรื่องความปลอดภัยในการส่ง" นางพวรรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมนักลงทุนรุ่นใหม่ไม่สนใจลงทุนในทองคำกายภาพ แต่จะเน้นลงทุนผ่านดิจิทัลมากกว่า ดังนั้น YLG จึงพัฒนาบริการเพื่อมาตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่และกลุ่มรายย่อย ที่จะเติบโตเป็นนักลงทุนมืออาชีพต่อไปในอนาคต โดยแอปฯ Get Gold เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อหนึ่งวัน ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนซื้อ-ขายได้อย่างไร้ขีดจำกัด ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ที่ app store และ play store หรือโทร02 678 9888#1
ส่วนแนวโน้มทองคำในช่วงนี้ ราคาปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง YLG มองว่าแม้ว่าจะมีแรงซื้อสลับเข้ามาบ้าง แต่ แต่หากราคาปรับตัวขึ้นในระดับจำกัดราคามีโอกาสอ่อนตัวลงต่อในช่วงสั้น แนะนำพิจารณาโซน 1,948-1,965 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในการแบ่งทองคำออกขาย ขณะที่การเข้าซื้อคืน ให้รอการปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับโซน 1,914 -1,891 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมองทิศทางทองคำระยะสั้นแกว่งตัวลง (Sideway down) อย่างไรก็ตาม ระยะกลาง-ยาวทิศทางราคาทองคำมีการแกว่งตัวในลักษณะแกว่งตัวขึ้น(Sideway) แนะนำนักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อทองคำ เมื่อราคาอ่อนตัวลง ทดสอบแนวรับสำคัญต่าง ซึ่งเป็นจุดที่สามารถทยอยสะสมเพิ่มเติม โดยประเมินแนวรับโซน 1,891-1,804 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้ประเมินว่า ราคายังมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 2,048-2,079 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง ส่วนทองคำในประเทศมองกรอบการเคลื่อนไหวของราคาระยะกลาง-ยาว โดยมีแนวรับบริเวณ 31,000-29,500 บาทต่อบาททองคำ และ แนวต้าน โซน 33,500-34,000 บาทต่อบาททองคำ(หมายเหตุ : ราคาทองคำแท่ง 96.5% คำนวณ อัตราแลกเปลี่ยน ณ ระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์) อย่างไรก็ดีแม้ราคาในระยะสั้นจะปรับตัวลงมา แต่เชื่อว่าภายในปีนี้ทองคำจะทำนิวไฮรอบใหม่แน่นอน เพราะปัจจัยกดดันเศรษฐกิจยังมีอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจถดถอย จึงมองว่าทองคำปีนี้มีโอกาสทะลุ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์อีกครั้ง