ECF เผยครึ่งปีหลังแนวโน้มธุรกิจดี เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น หนุนออเดอร์ส่งออกและในประเทศ เผยแนวโน้มในประเทศเริ่มเติบโตจากการฟื้นตัว จับมือพันธมิตรเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ในอเมริกา ปั๊มยอดขายต่างประเทศ เล็งแตกไลน์สินค้าตกแต่งบ้าน พร้อมเพิ่มกำลังผลิต ต่อยอดการเติบโต ขณะที่ผลประกอบการ Q1/66 รายได้รวม 323.19 ล้านบาท
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดไม้เอ็มดีเอฟแบบประกอบด้วยตนเอง เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ส่งผลให้มีปริมาณออเดอร์ทั้งในประเทศและส่งออกเฟอร์นิเจอร์เริ่มมีทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้ง บริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดและช่องทางการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศมีสัญญาณการเติบโตที่ดี ปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจภาคบริการ ภาคท่องเที่ยว และภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจและความท้าทายใหม่ของบริษัท ในการมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ให้มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมเพิ่มไลน์สินค้าตกแต่งบ้าน เพื่อขยายฐานลูกค้า และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าแบบครบวงจร
ส่วนตลาดต่างประเทศ ยอดขายมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น กลุ่มลูกค้าต่างประเทศเริ่มมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทปรับปรุงไลน์การผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และล่าสุดบริษัทได้พิจารณาการร่วมลงทุน และจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เพิ่มเติมจำนวน 1 บริษัท คือ บริษัท อีซีเอฟ ดีไซน์ จำกัด ประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ในต่างประเทศ สัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) 51% และ บริษัท Homy Casa Inc. 49% ซึ่งคาดว่าจะจดทะเบียนจัดตั้งได้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2566 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ภายในเดือนกรกฎาคม 2566 นี้ต่อไป ซึ่งการเข้าร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นโอกาสสร้างความแข็งแกร่งและการขยายช่องทางการจำหน่ายในต่างประเทศ เนื่องจากพันธมิตรของบริษัทฯ เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่มีฐานลูกค้าและโกดังสินค้าครอบคลุมพื้นที่ในหลายประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสสร้างช่องทางการจำหน่ายใหม่ และจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันยอดขายในตลาดต่างประเทศให้เติบโตได้นับจากนี้
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร เฟส 2 (50 MW) ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ส่วนเฟสที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดต่อไป
ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 1/66 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 323.19 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวของปีก่อนที่มีรายได้รวม 419.96 ล้านบาท จำนวน 96.77 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง สาเหตุสำคัญเกิดจากรายได้การส่งออกที่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อในประเทศต่าง ๆ รวมถึงผลกระทบจากภาวะสงครามที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ 58.52 % และส่งออก 41.48 % ซึ่งในไตรมาสแรกที่ผ่านมารายได้จากการส่งออกลดลง 42.24 % ขณะที่การจำหน่ายสินค้าภายในประเทศมีมูลค่าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามบริษัทคาดการณ์ว่า ทิศทางรายได้จากการส่งออกและการจำหน่ายในต่างประเทศจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้