"กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค" เปิดตัว "รางเทรย์งานเบา" และ "ตะแกรงทางเดินโซลาร์เซลล์" 2 โปรดักส์ป้ายแดงเจาะตลาดงานระบบสื่อสารโทรคมนาคม และโซลาร์เซลล์ มั่นใจตลาดต้องการสูง ตอบรับดี บุ๊ครายได้ทันที
นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ผลิตภัณฑ์ ในเดือนมิถุนายน 2566 ประกอบไปด้วย รางเคเบิ้ลเทรย์งานเบาแบบเจาะรูระบายอากาศ (Perforated Cable Tray) และตะแกรงทางเดินงานโซลาร์เซลล์ (KJL Walkway) ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบ และควบคุมการผลิตด้วยระบบ Computer Numerical Control หรือ CNC ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แม่นยำ ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีจุดเด่นที่สามารถสั่งผลิตตามขนาด สี แบบ และวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก สังกะสี อะลูมิเนียม หรือสเตนเลส ตามความต้องการของลูกค้าได้ สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยในกลุ่มอุตสาหกรรมงานระบบสื่อสารโทรคมนาคม งานซ่อมบำรุง และติดตั้งโซลาร์เซลล์ โดยคาดว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 และรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป
โดยที่รางเคเบิ้ลเทรย์งานเบาแบบเจาะรูระบายอากาศถูกออกแบบเป็น 2 ลักษณะคือ แบบพ่นสีฝุ่น (Electrostatic Powder Coatings) และแบบชุบฮอตดิบกัลวาไนซ์ (Hot-Dip Galvanized) หรือการชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน สามารถใช้งานได้หลากหลายตามความเหมาะสม โดยที่รางเคเบิ้ลเทรย์งานเบาแบบเจาะรูระบายอากาศเหมาะสำหรับงานติดตั้งระบบไฟฟ้าทั้งภายใน และภายนอกอาคารที่มีน้ำหนักไม่มาก เน้นความสวยงาม และระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี เช่นงานสายสื่อสารระบบโทรคมนาคม Data Center และ Solar Roof
ในขณะที่ตะแกรงทางเดินงานโซลาร์เซลล์ หรือ KJL Walkway ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้เป็นทางเดินสำหรับงานซ่อมบำรุงบนหลังคาภายนอกอาคาร โดยเฉพาะงานติดตั้ง Solar Panel สามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานทดแทน ซึ่งสอดคล้องการความต้องการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานสำหรับที่พักอาศัย สำนักงานเอกชน โรงงาน และสายกำลังการผลิต รวมถึงองค์กรต่าง ๆ สำหรับตะแกรงทางเดินงานโซลาร์เซลล์ หรือ KJL Walkway มีคุณสมบัติเด่นคือ ความแข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับจับยึด มีทั้งหมด 2 ขนาดให้เลือกใช้งาน ด้านสะดวกปลอดภัยในการติดตั้ง และซ่อมบำรุง ช่วยลดความเสียหายต่อแผ่นหลังคา และลดอุบัติเหตุในการทำงานได้อีกด้วย
"ผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับตลาดงานระบบด้านโทรคมนาคม และตลาดโซลาร์เซลล์ ซึ่งถือว่าทั้ง 2 ตลาดมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานทดแทนที่มีความต้องการสูงจากความต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงของทุกภาคส่วน ทำให้เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเดิม รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ คาดว่าจะสามารถเริ่มส่งมอบสินค้า และสร้างยอดขายตั้งแต่ในครึ่งปีหลังของปีนี้" นายเกษมสันต์กล่าว