ไตรมาส 3 ปี ’48 ปตท. มียอดขาย 267,449 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Monday November 14, 2005 08:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ปตท.
ปตท. มีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิ 24,022 ล้านบาท คิดเป็น 9% ของยอดขาย สร้างศักยภาพความแข็งแกร่งให้ภาคธุรกิจไทย จากการพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการบริหารจัดการที่ดีและสร้างพลังร่วมกลุ่มธุรกิจ จนก้าวเป็นบริษัทที่มีการจัดการดีที่สุดของเอเชีย ทำให้กลุ่ม ปตท. มีผลประกอบการที่ดี สามารถส่งผลตอบแทนคืนสู่รัฐในรูปภาษี และเงินปันผล ในช่วง 9 เดือนได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่อีก 212,268 ล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและสร้างความมั่งคงทางพลังงานในระยะยาว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2548 (กรกฎาคม-กันยายน) ปตท. และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายจำนวน 267,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปีก่อน มี EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน) จำนวน 33,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% มีกำไรสุทธิจำนวน 24,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% โดยเป็นกำไรสุทธิที่มาจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท. 38% หรือประมาณ 9,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 62% มาจากการลงทุนในบริษัทในเครือ อย่างไรก็ดี ในไตรมาสที่สามนี้ ปตท. มีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 8.59 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจาก 5.65 บาท/หุ้น ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2548 (มกราคม-กันยายน) ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 684,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 48% มี EBITDA จำนวน
86,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% มีกำไรสุทธิ 68,373 ล้านบาท หรือ เท่ากับ 10% ของยอดขาย หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 24.44 บาท/หุ้น (หากไม่รวมกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ บริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) จำนวน 7,738 ล้านบาท จะมีกำไรสุทธิ 62,956 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.50 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้นจาก 15.07 บาท/หุ้น ในช่วง 9 เดือนแรกของปีก่อน
อนึ่ง ฐานะการเงิน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 นี้ ปตท. มีสินทรัพย์ มูลค่ารวม 556,032 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 237,452 ล้านบาท หนี้สินรวม 318,580 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Debt/Equity) 0.5:1 บ่งชี้ถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพพร้อมสำหรับการลงทุนของ ปตท. ตามแผนวิสาหกิจ (ปี 2548-2552) เป็นจำนวนถึง 212,268 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี โดยเฉพาะ การวางเครือข่ายระบบท่อส่งก๊าซฯ ในทะเลและบนบก อาทิ โครงการท่อส่งก๊าซฯ เส้นที่ 3 โครงการท่อส่งก๊าซฯ ไทรน้อย-โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ-พระนครใต้ เป็นต้น ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรับ-ส่งก๊าซฯ จากปัจจุบัน 3,430 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน เป็น 4,130 และ 5,290 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ในปี 2549 และ 2551 ตามลำดับ อีกทั้งมีแผนการลงทุนในโครงการโรงแยกก๊าซอีเทน และโครงการโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 6 สำหรับเป็นวัตถุดิบให้ บริษัท พีทีที โพลีเอทิลีน จำกัด (PTTPE) รวมทั้งการลงทุนในโครงการปิโตรเคมีขั้นกลางใน บริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด
นายประเสริฐฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน กลุ่ม ปตท. มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในบทบาทของการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและการเป็นกลุ่มบริษัทจดทะเบียนซึ่งมีมูลค่าหุ้นใหญ่ที่สุดถึง 1 ใน 4 ของตลาดหลักทรัพย์ คิดเป็นมูลค่า 1,188,532 ล้านบาท (ณ 10 พฤศจิกายน 2548) เฉพาะหุ้น ปตท. มีมูลค่าในตลาดประมาณ 620,989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.8% ของมูลค่าตลาดฯ ซึ่งผลประโยชน์ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของ ปตท. จะตกกับประชาชนไทย และผู้ถือหุ้นทุกฝ่าย ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง 52.48% กองทุนรวมวายุภักษ์ของรัฐบาล 15.58% รวมทั้งกลุ่มผู้ถือหุ้นที่เป็นสถาบันการเงินและนักลงทุนรายย่อยของไทยอีกจำนวนมาก (ข้อมูล ณ 20 กรกฎาคม 2548 วันปิดบัญชีการประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้น ปตท.)
นายประเสริฐฯ กล่าวด้วยว่า ผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง เกิดจากศักยภาพในการบริหารงานและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ ที่มุ่งเน้น “การกำกับดูแลกิจการที่ดี” ทำให้ ปตท. ได้รับการยอมรับทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ โดย ปตท. ได้รับการยกย่องให้เป็น “บริษัทที่ดีที่สุดในเอเชีย” ประจำปี 2548 จากนิตยสาร BusinessWeek อีกทั้งได้รับรางวัล “ซีอีโอยอดเยี่ยมของไทย” ในภาพรวม และของเอเชียในหมวดธุรกิจน้ำมันและก๊าซฯ และ “นักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมของไทย” จากการจัดอันดับของ Institutional Investor และ ยังเป็นบริษัทไทยรายเดียวที่ติดอันดับบริษัทขนาดใหญ่ 500 อันดับแรกของโลก จาก Fortune Global 500 รวมทั้ง นิตยสาร Forbes ได้จัดอันดับให้ ปตท.เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลก ในอันดับที่ 425 จาก 2,000 บริษัท นอกจากนี้ ปตท.ยังได้รับรางวัลบริษัทที่มีการบริหารจัดการดีที่สุดของไทย จาก Asia Money และได้รับการจัดอันดับจาก FinanceAsia ให้เป็น บริษัทที่ดีที่สุดของเอเชีย ในด้านการบริหารจัดการ และธรรมาภิบาล อีกทั้งได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทที่มีการจัดการเรื่องการกำกับดูแลกิจการดีที่สุดในประเทศไทยจาก The Asset ซึ่งรางวัลต่าง ๆ ดังกล่าว มีส่วนสร้างความน่าเชื่อถือและเปิดโอกาสให้บริษัทคนไทยก้าวไปแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมั่นใจอีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
โทร. 0-2537-2159-60, 0-2537-2163--จบ--

แท็ก เอเชีย   ปตท.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ