"เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์" ทุ่มงบ 221 ลบ. เข้าซื้อร้านค้าเอเชียแห่งที่ 2ขยายธุรกิจค้าปลีก-ส่งอาหารเอเชียในสหราชอาณาจักร เสริมศักยภาพต่อยอดกลยุทธ์D2C สร้างแพลตฟอร์มพัฒนาสินค้าเจาะการเข้าถึงผู้บริโภค คาดว่าร้านค้าแห่งนี้จะสามารถทำรายได้แตะ 800 ล้านบาทในปีนี้ โดยเราคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ Q3/66
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด(มหาชน) หรือ NRF เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัท Galalane Limited ผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีก และค้าส่งอาหารเอเชียในสหราชอาณาจักร โดยบริษัทฯจะให้ NRF Consumer Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อย (NRF ถือหุ้นร้อยละ 100) ทำรายการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท Galalane Limited จำนวน 180 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 90% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 5.1 ล้านปอนด์สเตอร์ลิงหรือคิดเป็นประมาณ 221.2 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566
ซึ่งการเข้าลงทุนในครั้งนี้เป็นการลงทุนตามกลยุทธ์ของบริษัทฯที่มีเป้าหมายเพื่อการขยายธุรกิจ และเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภค โดยจะมีการต่อยอดธุรกิจด้วยการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อนำข้อมูลจากการขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคมาพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจของในระยะยาว รวมถึงยังเพิ่มรายได้ และอัตรากำไรของบริษัทฯอีกด้วย เนื่องจากเป็นการขายสินค้าของบริษัทฯจากโรงงานสู่ผู้บริโภค โดยตรง ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 เป็นต้นไป
โดยที่ Galalane Limited เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้น หรือ Holding Company โดย Galalane Limited ถือหุ้น 100% ในบริษัท Chuanglee Limited และบริษัท Chuanglee Cash & Carry Limited ซึ่งประกอบธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกอาหารเอเชียในสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารไทย จีน ทั้งแบบสดและแบบแห้ง โดยจำหน่ายสินค้าให้แก่ร้านอาหาร โดยมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารไทย รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง มีร้านค้าตั้งอยู่ในเมืองกรีนิช สหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ในปี 2566 (สำหรับรอบปี ณ 31 มีนาคม) Galalane Limited มีรายได้ 15.56 ล้านปอนด์สเตอร์ลิงหรือคิดเป็น 674.89 ล้านบาท, มีกำไรสุทธิ 1.11 ล้านปอนด์สเตอร์ลิงหรือคิดเป็น 48.14 ล้านบาท
"การเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่จะเติบโตในแนวดิ่ง และมุ่งเน้นการเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเสริมสร้างรายได้และอัตรากำไรผ่านการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทสู่ผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงการลงทุนในครั้งนี้จะสามารถต่อยอดและนำข้อมูลมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัทให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว ช่วยให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างครบวงจร ส่งผลให้บริษัทเติบโต สร้างรายได้ และกำไรได้อย่างมั่นคง" นายแดนกล่าว