บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) สนับสนุนสินเชื่อมูลค่า 105 ล้านดอลลาร์ แก่ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารไทยเครดิต) ซึ่งมุ่งเน้นให้บริการธุรกิจรายย่อย และธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก (MSME) ในประเทศไทยเป็นหลัก เพื่อสนับสนุนเสริมสร้างการจ้างแรงงาน และการรวมตัวทางเศรษฐกิจในประเทศไทย
สินเชื่อดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนธุรกิจรายย่อย และธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กในประเทศไทย โดยเงินทุนอย่างน้อยร้อยละ 50 จะจัดสรรให้กับธุรกิจที่มีสตรีเป็นเจ้าของหรือผู้บริหาร ทั้งนี้ เงินทุนดังกล่าวยังช่วยให้ธนาคารไทยเครดิตสามารถขยายบริการที่ไม่ใช่บริการทางการเงิน (เช่น การฝึกอบรมเกี่ยวกับการเงิน หรือการสร้างเครือข่าย) โดยปรับแต่งให้เหมาะกับธุรกิจรายย่อย และธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มีสตรีเป็นเจ้าของอีกด้วย
ธนาคารไทยเครดิตเป็นสถาบันการเงินหลักที่ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น เพื่อช่วยเสริมแกร่งให้กับผู้ประกอบการซึ่งในอดีตเคยถูกมองข้าม ในการนี้ ธนาคารไทยเครดิตช่วยลดช่องว่างให้กับผู้ประกอบการที่ขาดโอกาส และช่วยให้ผู้ประกอบการดังกล่าวสามารถเข้าถึงภาคธนาคารอย่างเป็นทางการของประเทศไทย ผ่านการเข้าถึงอย่างครอบคลุมและการวางตลาดเชิงกลยุทธ์
"ความร่วมมือครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างทั้งสองสถาบัน เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น ประกอบกับความเชื่อมั่นของ IFC ที่มีต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและการดำเนินธุรกิจของธนาคารไทยเครดิต ซึ่งยึดมั่นในหลักการ Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ ในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนลูกค้าของเรา" วิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต กล่าว
ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กถือเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีการจ้างแรงงานถึงร้อยละ 72 ของการจ้างแรงงานทั้งประเทศ และมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) คิดเป็นร้อยละ 35 ของทั้งประเทศ หากแต่ธุรกิจเหล่านี้ยังคงต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจากหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ ประวัติเครดิตอันจำกัด และติดภาพธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง และอื่น ๆ ซึ่งในขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กได้รับผลกระทบจากโควิด 19 หนักที่สุด แต่ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่สตรีเป็นเจ้าของกลับได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เป็นบางแห่งเท่านั้น
"ธนาคารไทยเครดิตมีความยินดีที่มาตรฐานการดำเนินงานระดับสูง และความมุ่งมั่นด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่ธนาคารของเราเพียรสร้างขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ดึงดูดให้ IFC เชื่อมั่นในรูปแบบธุรกิจและความยั่งยืนของเรา สินเชื่อของ IFC จะช่วยสนับสนุนจุดยืนของธนาคารไทยเครดิต ทำให้เราสามารถให้บริการกลุ่มธุรกิจที่ถูกละเลยได้ดียิ่งขึ้น" รอยย์ ออกุสตินัส กุนารา (Roy Agustinus Gunara) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยเครดิต กล่าว
นอกจากนี้ IFC ยังช่วยธนาคารไทยเครดิตพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อให้บริการธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่สตรีเป็นเจ้าของ รวมถึงกรอบหลักเกณฑ์สินเชื่อเพื่อสังคม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสินเชื่อเพื่อสังคมที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
Jane Yuan Xu ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ของ IFC กล่าวว่า "ความร่วมมือของเราเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของ IFC ในการสนับสนุนการเติบโตอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ซึ่งยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย แม้ขาดโอกาสในอดีต IFC หวังว่าจะสามารถช่วยให้ธนาคารไทยเครดิตสร้างความแตกต่างจากสถาบันการเงินรายอื่น พร้อมสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่มีสตรีเป็นเจ้าของ"
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา IFC เป็นผู้นำในการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ครอบคลุมมากขึ้นในประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ในภาคการเงินที่สำคัญ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวการดำเนินงานที่เป็นระบบของ IFC ในการทำให้ตลาดการเงินเพื่อสังคมของประเทศไทยมีความเข้มข้นมากขึ้น สนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและครอบคลุมหลังเหตุการณ์โควิด 19 และแก้ไขช่องว่างทางการเงินสำหรับธุรกิจที่ขาดโอกาส ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรายย่อย ธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็ก หรือธุรกิจที่มีสตรีเป็นเจ้าของ