กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--ก.ล.ต.
ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (“คตส.”) สั่งให้เลขาธิการ ก.ล.ต.ไปให้ถ้อยคำและส่งเอกสารหลักฐานในคดีปกปิดโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“SC Asset”) นั้น
ในวันนี้ (25 เมษายน 2551) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. ได้ไปให้การต่อ คตส. โดยได้ยืนยันเจตนาของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่จะให้ความร่วมมือกับ คตส. แต่มีเหตุผลความจำเป็นที่ยังไม่สามารถส่งข้อมูลที่เป็นหลักฐานในคดี SC Asset ให้ คตส. ตามที่ คตส. มีคำสั่งเรียกมาได้ เนื่องจากการขอข้อมูลของสำนักงาน ก.ล.ต. จาก ก.ล.ต. ต่างประเทศในครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงทวิภาคี ซึ่งกำหนดว่า ก.ล.ต. ของประเทศที่ได้รับข้อมูลจะต้องใช้ข้อมูลและเอกสารที่ได้รับจากความช่วยเหลือนั้น เพื่อตรวจสอบและใช้บังคับตามกฎหมายด้านหลักทรัพย์เท่านั้น ไม่สามารถเปิดเผยหรือส่งต่อแก่ผู้อื่นได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจาก ก.ล.ต. ของประเทศผู้ให้ข้อมูล หรือจนกว่าเอกสารหรือข้อมูลนั้นจะได้มีการเปิดเผยในกระบวนพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายหลักทรัพย์แล้ว
ในการนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งการที่ถูก คตส. เรียกให้ส่งข้อมูล ไปยัง ก.ล.ต. ต่างประเทศที่ให้ความช่วยเหลือ ซึ่ง ก.ล.ต. ต่างประเทศทุกแห่งล้วนตอบตรงกันว่า ไม่สามารถให้ความยินยอมสำนักงาน ก.ล.ต. ในการนำข้อมูลไปใช้เพื่อการอื่น เนื่องจากมีข้อจำกัดตามกฎหมายที่ใช้บังคับในประเทศตน
สำนักงาน ก.ล.ต. มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงในการขอความช่วยเหลือจาก ก.ล.ต. ต่างประเทศ เพราะหากไม่ปฏิบัติ นอกจากจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น SC Asset และกรณีตรวจสอบอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว ยังจะกระทบไปถึงความสัมพันธ์ในอนาคตกับหน่วยงานเหล่านี้ ทำให้ต่อไป ก.ล.ต. ไทยอาจจะไม่สามารถขอความร่วมมือจาก ก.ล.ต. ประเทศอื่นใดได้เลย
ซึ่งจะเป็นอุปสรรคอย่างมากในการกำกับดูแลตลาดทุน นอกจากนี้ ยังอาจขยายไปกระทบความร่วมมือทางด้านธนาคารพาณิชย์และบริษัทประกันภัยด้วย เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้บางแห่งมีขอบเขตการกำกับดูแลครอบคลุมในภาคการเงินทั้งหมด ดังนั้น การไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวจึงจะสร้างความเสียหายแก่ประเทศเป็นอย่างมาก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายงานเลขาธิการ - Press Office
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
โทรศัพท์ 0-2695-9502-5
โทรสาร 0-2256-7755
E-mail: