สิ้นสุดลงไปแล้วกับรายการ Cup of Excellence Thailand 2023 พร้อมรายชื่อเกษตรกรไทยผู้ชนะการประกวดทั้ง 24 รายที่ผ่านมาตรฐานการตัดสินที่ถือว่าเข้มงวดที่สุดและได้รับรองเป็นคุณภาพกาแฟเกรดพรี่เมี่ยมระดับโลกจาก Cup of Excellence (COE)
หลังจากที่โครงการนำร่อง Best of Thailand 2022 Pilot Program ได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีในปีที่แล้ว ทาง COE ได้เปิดไฟเขียวให้ประเทศไทยจัดการประกวด Cup of Excellence อย่างเต็มรูปแบบเป็นปีแรก ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 17 ในโลกและเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียที่จัดการประกวดรายการนี้
โดยการประกวดได้มีการเปิดรับลงทะเบียนและส่งตัวอย่างกาแฟตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ซึ่งจากจำนวนผู้ลงทะเบียน 62 ราย มีเพียง 40 รายที่ผ่านจากรอบคณะกรรมการภายในประเทศ ณ Aroma District จังหวัดกรุงเทพฯ เข้าสู่รอบคณะกรรมการนานาชาติ ณ Pana Coffee จังหวัดเชียงใหม่ จนได้ผู้ชนะรอบสุดท้ายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 จำนวนทั้งสิ้น 24 ราย แบ่งเป็น ผู้ชนะระดับ COE ด้วยคะแนนมากกว่า 87.00 จำนวน 16 ราย และผู้ชนะระดับ National ที่มีคะแนนระหว่าง 85.00-86.99 จำนวน 8 ราย ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีมากที่ประเทศไทยเราได้มีเกษตรกรระดับ Presidential Award ที่มีคะแนนมากกว่า 90.00 ในอันดับที่ 1 ด้วยคะแนน 91.30
"ผมได้เข้าประกวด Best of Thailand ในปีที่แล้ว ผมว่าเป็นการนำร่องที่ดีมาก ทีมงานได้มาเยี่ยมเยียนเกษตรกรหลังจากจบงาน ทำให้หลายๆ คนเกิดความกระตือรือร้นและลองส่งเข้าประกวด พอมาปีนี้ กับรางวัลที่ 1 ของ COE Thailand ปีแรก ผมยิ่งรู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมาก ผมอยากให้รางวัลนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ และผมก็เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีต้นทุนที่ดีทั้งดิน ทั้งน้ำ ขอแค่ดูแลป่าและต้นน้ำ ไปพร้อมๆ กับต้นกาแฟให้อย่างดีที่สุด คุณภาพกาแฟไทยยังไงก็ดีสู้ประเทศอื่นได้แน่นอน" คุณวิชัย กำเนิดมงคล ผู้ชนะอันดับที่ 1 กล่าว
Cup of Excellence ก่อตั้งเมื่อปี 1999 เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่จัดการประกวดแข่งขันประจำปีในหลายประเทศ ไม่ใช่แค่เพียงเฟ้นหาสุดยอดกาแฟดีมีคุณภาพสูงที่เน้นหนักเรื่องความสะอาดจากทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญลงลึกไปถึงเกษตรกรผู้เป็นต้นน้ำเพื่อพัฒนาคุณภาพกาแฟในท้องถิ่นไปพร้อมๆ กับการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรอย่างยั่งยืน ตามสโลแกน Back Coffee Farmers
"ผมมองว่า รายการ Cup of Excellence ให้ความสำคัญกับเกษตรกรค่อนข้างมาก แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการประกาศชื่อผู้เข้ารอบในแต่ละรอบ เพราะเป็นเสมือนการให้เครดิตกับความตั้งใจ แม้ว่าเกษตรกรคนนั้นอาจจะไม่ได้รับรางวัลในรอบสุดท้ายก็ตาม เป็นการให้กำลังใจเพื่อพัฒนาและนำเสนอผลงานต่อไป รวมถึงการจัดงานมอบรางวัลที่ได้เชิญเกษตรกรเข้าร่วมงานด้วย ทำให้เกิดเครือข่ายชุมชนคนกาแฟที่ใหญ่ขึ้น" วิชช์ จันทร์ประเสริฐ ผู้ชนะอันดับที่ 18 กล่าว
สำหรับประเทศไทยเอง In-Country Partner อย่าง Aroma Group ก็ให้ความสำคัญกับเกษตรกรกรกาแฟไทยมากว่า 70 ปีแล้ว โดยรายการ Cup of Excellence นี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญที่จะช่วยผลักดันกาแฟคุณภาพของไทยไปปักหมุดบนเวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม
'แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้ปลูกกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก แต่ในช่วงเกือบสิบปีหลังมานี้ ชุมชนกาแฟบ้านเรามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เกษตรกรเองก็มีความตั้งใจพยายามที่จะพัฒนาคุณภาพกาแฟให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนวันนี้ ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า กาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ของไทยก็มีคุณภาพสูง ไม่แพ้ประเทศอื่นๆ ที่จัดการประกวด COE ผมเองก็ยังเชื่อมั่นว่า ในอนาคตอันใกล้ ชาวโลกหันมามองบ้านเราว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งของกาแฟคุณภาพสูงของโลกอย่างแน่นอน'คุณกิจจา วงศ์วารี CEO Aroma Group และ COE In Country Partner กล่าว
นอกจากกาแฟแล้ว สัญลักษณ์โลโก้ Cup of Excellence Thailand ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากลายบนเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ที่แต่ละสีสะท้อนถึงแต่ละขั้นของกาแฟจากต้นน้ำไปสู่ปลายน้ำ ตั้งแต่เกษตรกรที่เพาะปลูกต้นกาแฟได้ผลิดอกสีขาวในต้นฤดู จนออกผลสีเหลืองอันเป็นสัญญานเตรียมพร้อมเพื่อเก็บผลเชอร์รี่ฉ่ำสีแดงสด หลังจากนั้นส่งต่อไปแปรรูป และสีเป็นสารกาแฟสีเขียว จนไปถึงการคั่วและสกัดเป็นน้ำกาแฟสีน้ำตาลเข้มอันหอมหวลกลมกล่อมในที่สุด และเมื่อผนวกกับลายดอกไม้ ก็ย่อมหมายถึงบทใหม่ของกาแฟไทยที่จะนำความรุ่งเรืองผลิดอกออกผลอย่างงดงามต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้
แม้การตัดสินจะจบลงไปแล้ว แต่ผู้ชนะทั้งระดับ COE Winner และ National Winner จะได้เข้าสู่การประมูลผ่านเวบไซต์ ACE ในวันที่ 15 สิงหาคม 2566 และ ระหว่างวันที่ 14-18 สิงหาคม 2566 ตามลำดับต่อไป ซึ่งผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/cupofexcellenceth และ www.cupofexcellenceth.org