เคพีเอ็มจีและไมโครซอฟท์ ประกาศขยายความร่วมมือเพื่อยกระดับธุรกิจในหลากหลายขอบเขตที่สำคัญ ทั้งการพัฒนาบุคลากรให้ทันสมัย การพัฒนาระบบให้มีความปลอดภัย และการนำโซลูชั่นปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการบริการลูกค้า ในภาคอุตสาหกรรมและต่อสังคมอย่างแพร่หลาย
ความร่วมมือระหว่างสององค์กรชั้นนำในครั้งนี้ เคพีเอ็มจีจะนำระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์และการนำบริการด้าน AI มาช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับบริษัทฯในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ การขยายความร่วมมือครั้งนี้เคพีเอ็มจีสามารถสร้างความร่วมมือกับลูกค้า และพัฒนาประสบการณ์ของบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการตลอดจนสร้างความรับผิดชอบ ความน่าเชื่อถือ และส่งมอบงานบริการที่ปลอดภัยให้กับลูกค้า
ด้วยความสามารถของระบบคลาวด์ไมโครซอฟท์ และ Azure OpenAI Service จะช่วยให้พนักงานเคพีเอ็มจีจำนวนกว่า 265,000 คนทั่วโลกสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น และใช้เวลากับการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ได้มากยิ่งขึ้น โดยพนักงานของเคพีเอ็มจีจะสามารถให้บริการลูกค้าของบริษัทฯ และลูกค้าร่วมระหว่าง 2 บริษัทอีกกว่า 2,500 ราย เพื่อนำเทคโนโลยี AI มาใช้พัฒนาให้ธุรกิจลูกค้าสามารถก้าวไปข้างหน้าได้เร็วยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความท้าทายทางธุรกิจ และส่งเสริมให้ลูกค้าประสบความสำเร็จได้สำหรับงานในโลกอนาคต
เคพีเอ็มจีจะนำเทคโนโลยี ไมโครซอฟท์ 365 Copilot และ Azure OpenAI Service มาใช้นำร่องกับบางกลุ่มธุรกิจทั่วโลก โดยจะนำความสามารถที่เพิ่มขึ้นของเครื่องมือและประสบการณ์ผนวกกับข้อมูลเชิงลึก และความเชี่ยวชาญของภาคส่วนต่างๆ เพื่อใช้ยกระดับการมีส่วนร่วมกับลูกค้าเพื่อเร่งการพัฒนาโซลูชั่นด้านดิจิทัลต่อไป
บิลล์ โทมัส ประธานและซีอีโอ เคพีเอ็มจีอินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า "ความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับ ไมโครซอฟท์ ถือเป็นช่วงเวลาที่น่ายินดียิ่งสำหรับพนักงานและลูกค้าของเรา โดยการสร้างความแข็งแกร่งจากสหสาขาวิชาชีพของเราจะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าพนักงานของเรามีทักษะที่เชี่ยวชาญ และมีโปรแกรมที่เหมาะสมที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถเอาชนะความท้าทายและได้รับคำแนะนำที่ดีที่สุดจากเรา อีกทั้งยังช่วยให้เคพีเอ็มจีเป็นองค์กรที่คล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น และคงไว้ซึ่งองค์กรที่น่าสนใจ และน่าทำงานด้วย
การขยายความร่วมมือของเราครั้งนี้เกิดขึ้นได้จากองค์กรระดับโลกสองแห่งที่มีค่านิยมเดียวกันนั่นคือ การนำเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ที่ทันสมัยมาใช้ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ เคพีเอ็มจีกำลังมุ่งหน้าสู่อนาคตและเราเชื่อว่า AI คือกุญแจสำคัญในการสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทได้อย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับบุคลากรของเรา ลูกค้า และสังคมที่เราอยู่"
สัตยา นาเดลลา ประธานและซีอีโอของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า "ถือเป็นโอกาสที่เราจะใช้เทคโนโลยี AI แห่งอนาคตนี้ มาช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับภาคอุตสาหกรรมรวมถึงธุรกิจบริการด้านวิชาชีพ โดยการขยายความร่วมมือของเรากับเคพีเอ็มจีครั้งนี้ เราจะนำนวัตกรรม AI บน Microsoft Cloud มาผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชี ด้านภาษี และด้านที่ปรึกษาธุรกิจของเคพีเอ็มจี เพื่อใช้เพิ่มศักยภาพให้กับพนักงาน และมีข้อมูลเชิงลึกสำหรับการให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น"
ด้าน เจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว กล่าวเสริมว่า "ความร่วมมือระหว่างสององค์กรระดับโลกนี้ จะช่วยเร่งพัฒนาความรู้ในการนำเทคโนโลยีคลาวด์และ AI ที่ทันสมัยมาใช้ตอบโจทย์ภาคธุรกิจ เราจะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนี้ สำหรับพนักงาน และลูกค้าของเราเพื่อใช้ข้อมูลและความรู้เชิงลึก"
โดยความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ จะสร้างประโยชน์ให้เกิดกับธุรกิจหลักของเคพีเอ็มจีดังต่อไปนี้
ด้านการสอบบัญชี
ด้วยการผสานการวิเคราะห์ข้อมูล AI และ Azure Cognitive Services เข้ากับแพลตฟอร์มการสอบบัญชีของเคพีเอ็มจี ชื่อว่า "KPMG Clara" จะช่วยให้ผู้ตรวจสอบบัญชีของเรากว่า 85,000 คนทั่วโลก มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการตรวจสอบรายการที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วนและตลาดทุน ความร่วมมือครั้งนี้ยังถือเป็นโอกาสในการสร้างตลาดใหม่ให้กับพนักงานของเคพีเอ็มจีและลูกค้าของบริษัทฯได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อนำโปรแกรม Microsoft Fabric มาใช้ในงาน ทีมเคพีเอ็มจีจะสามารถแจ้งข้อมูลสำคัญกับลูกค้าได้โดยตรง แทนที่จะต้องนำเข้ามาผ่านกระบวนการภายในก่อน ซึ่งจะทำให้เป็นการทำงานแบบเรียลไทม์ได้มากยิ่งขึ้น
ด้านภาษี
การรวม Azure OpenAI Service และ Microsoft Fabric เข้าด้วยกันกับ KPMG Digital Gateway ซึ่งเป็นโซลูชั่นแพลตฟอร์มเฉพาะของเคพีเอ็มจีจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงชุดบริการด้านเทคโนโลยีของ KPMG Tax & Legal ได้เต็มรูปแบบ ผู้ใช้จะเข้าถึงข้อมูลของตนเองได้มากขึ้น โปร่งใส และสามารถบริหารฟังก์ชั่นการจัดการภาษีองค์รวมได้ครบถ้วน ซึ่งสิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นในโซลูชั่น AI ล่าสุดที่ได้พัฒนาร่วมกันของทั้งสองบริษัทโดยได้นำบริการ Azure OpenAI มาใช้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG) พร้อมสร้างชุดข้อมูล และจัดทำรายงานความโปร่งใสด้านภาษี ESG ได้เร็วมากขึ้น และยังรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้เคพีเอ็มจียังนำ " virtual assistant " ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้สร้างโมเดลการบริการลูกค้าแบบใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมงานด้านภาษีมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้มากขึ้นอีกด้วย เช่น การพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์ และการจัดการความรู้สำหรับกฎหมายภาษีที่ซับซ้อน
ด้านที่ปรึกษาธุรกิจ
การพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่เปิดใช้งาน AI และแพลตฟอร์มความรู้ผ่าน Microsoft Azure จะช่วยให้การสร้างโซลูชั่นเฉพาะให้กับลูกค้าสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และสร้างผลกำไรได้มากขึ้นบนพื้นฐานความสำคัญด้านจริยธรรมและความปลอดภัย นอกจากนี้ Peter Brickley ผู้บริหารด้านสารสนเทศ บริษัท Coca-Cola EuroPacific Partners (CCEP) กล่าวเสริมว่า "ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของเคพีเอ็มจีและไมโครซอฟท์ได้ช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันกับ Coca-Cola EuroPacific Partners ในด้านการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้นำร่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบหลังบ้าน ผ่านการใช้ AI ของแพลตฟอร์ม Azure และเทคโนโลยีใหม่นี้เองยังช่วยให้บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมต่อไปในอนาคต ทั้งในด้านการพัฒนาความรู้บุคลากร และมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯทั่วโลก"
สร้างผลลัพธ์
ทีมงานเคพีเอ็มจีร่วมกับทีมไมโครซอฟท์ช่วยสนับสนุนองค์กรธุรกิจเพื่อต่อยอดความสำเร็จด้วยแนวคิดด้าน ESG เพื่อต่อยอดความสำเร็จในการสร้าง Circularity Tracker และ ESG and climate data management and analytics solution โดยใช้ Microsoft Cloud for Sustainability และ Microsoft Azure เป็นแกนหลัก และมีทีมงานร่วมกันเพื่อให้บริการลูกค้า ในการจัดกลุ่มข้อมูลจากแต่ละแหล่ง ใช้ประโยชน์จากข้อมูล ที่จำเป็น เพื่อช่วยในเรื่องการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ และบรรลุข้อกำหนดด้านความยั่งยืนได้
นอกจากนี้เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจภายใต้ข้อตกลงนี้ เคพีเอ็มจีและไมโครซอฟท์จะยังคงมุ่งหน้าสำรวจ และสร้างโอกาสในการทำงานเพื่อสร้างผลลัพธ์ให้กับสังคมและชุมชนทั่วโลก โดยปัจจุบันเคพีเอ็มจีมีโครงการ UNESCO global education coalition และกลยุทธ์เคพีเอ็มจี 10x30 ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับเยาวชนกว่า 10 ล้านคน ผ่านโอกาสทางการศึกษา การจ้างงาน และการเป็นผู้ประกอบการภายในปี 2573 นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทก็ยังคงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นในด้านบัญชีคาร์บอน (carbon accounting) ภายใต้โครงการ Carbon Call ซึ่งทั้งเคพีเอ็มจีและไมโครซอฟท์ร่วมเป็นผู้ลงนามก่อตั้ง