THBA สรุปสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศครึ่งปีแรกชะลอตัว โดยเฉพาะภาคอีสาน กรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังเจอปัจจัยลบรอบด้าน เศรษฐกิจฝืด เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น หนี้ครัวเรือน การเมืองวุ่น ส่งผลผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจรอดูความชัดเจนภายหลังจัดตั้งรัฐบาล ชี้ครึ่งปีหลังแนวโน้มสถานการณ์หนักกว่าครึ่งปีแรก แนะผู้ประกอบการต้องมีจุดขายชัดเจนหนีแข่งขันราคา วัสดุขาดตลาด-ราคาผันผวน พร้อมเตรียมแผนสำรองลดความเสี่ยง เชื่อเศรษฐกิจชะงักฉุดตลาดรับสร้างบ้านหดตัว
ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย. 66) พบว่าความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวลง ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวมทั้งต่างจังหวัด ทำให้มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านไม่สามารถขยายตัวตามที่คาดการณ์กันไว้ โดยปัจจัยที่มีผลกระทบหลัก ๆ เกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความผันผวน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร เงินเฟ้อและหนี้ภาคครัวเรือน ตลอดจนสถานการณ์การเมืองประเทศที่อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาล ทั้งหมดส่งผลทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ชะลอการตัดสินใจและกำลังซื้อลดลง ทั้งนี้เมื่อสำรวจข้อมูลเชิงลึกความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคจากสมาชิกสมาคมฯ พบว่าความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวมากที่สุด ได้แก่ อันดับ 1.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันดับ 2.กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน
จากสถานการณ์ทางการเมืองภายหลังประชาชนออกไปลงคะแนนเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยที่พรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งสส. (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แต่ปรากฎว่าไม่อาจเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้สำเร็จ ทั้งนี้สมาคมฯ ประเมินว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าออกไปนานเท่าไร ประชาชนก็จะยิ่งขาดความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจประเทศ และแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการบริโภครุนแรงยิ่งขึ้น ในส่วนของภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านครึ่งปีหลัง คงหนีไม่พ้นผลกระทบดังกล่าวเช่นกัน และสถานการณ์ก็น่าเป็นกังวลกว่าในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา
แต่ในอีกมุมหนึ่ง หากว่ามีการจัดตั้งรัฐบาลได้ตามมติเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ไปลงคะแนนเลือกตั้งไว้ แนวโน้มความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อเสถียรภาพทางการเมืองก็จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจประเทศในครึ่งปีหลัง สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น สมาคมฯ เชื่อว่าการจะก้าวผ่านความผันผวนและปัจจัยที่มีผลกระทบต่าง ๆ ก็จะมีความหวังและโอกาสดีขึ้น อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ ไม่ควรให้น้ำหนักกับมุมใดมุมหนึ่ง แต่ควรจะหาจุดสมดุลของการบริหารธุรกิจของตัวเอง หากว่าต้องเผชิญกับผลกระทบหรือปัจจัยบวกที่จะเกิดขึ้นโดยตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
ปริมาณและมูลค่ารับสร้างบ้าน สำหรับ ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ 6 เดือนแรกปีนี้ สมาคมฯ ประเมินสัดส่วนจำนวนหน่วยสร้างบ้านคาดว่าลดลงประมาณ 17-20% ในขณะที่สัดส่วนมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านลดลงประมาณ 10% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เหตุที่มูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านลดลงต่ำกว่าปริมาณ ด้วยเพราะราคาค่าก่อสร้างบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้เฉลี่ย 7-10% โดยคาดว่าปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีหลัง ยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านอาจลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากผู้ประกอบการมืออาชีพที่อยู่ในธุรกิจนี้ที่มีวิสัยทัศน์และพร้อมจะสวนกระแสเศรษฐกิจ ด้วยการขยายสาขาหรือให้บริการออกไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ ในต่างจังหวัด ซึ่งยังมีความต้องการและกำลังซื้อผู้บริโภค รวมทั้งยังไม่มีผู้เล่นที่เป็นผู้ประกอบการมืออาชีพเป็นตัวเลือกของผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการแชร์สัดส่วนปริมาณและมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของธุรกิจรับสร้างบ้าน อาทิเช่น พื้นที่จังหวัดลำปาง สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี จันทบุรี ปัตตานี เป็นต้น
สมาคมฯ แนะ ที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ส่งสัญญาณถึงสมาชิกให้ระมัดระวังและเร่งปรับตัว เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ทั้งมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงปัญหาวัสดุก่อสร้างหลัก ๆ ที่ผู้ผลิตส่งมอบล่าช้าและราคาถีบตัวสูงขึ้นมาก ได้แก่ อิฐมวลเบาก่อผนัง กลุ่มกระเบื้องหลังคาคอนกรีต และสุขภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่งผลที่จะตามมาคงหนีไม่พ้นการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงสงครามราคาเพราะจะสวนทางกับต้นทุนที่ผันผวน ทั้งการรักษาคุณภาพและบริการที่ส่งมอบลูกค้า แต่ควรหันมาเน้นย้ำถึงจุดยืนทางธุรกิจหรือจุดขายที่แตกต่างหรือผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร และตั้งราคาอย่างสมเหตุสมผล พร้อมกับวางตำแหน่งทางการตลาดให้ชัดเจน เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้จะทำให้สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั่วไปที่มักเน้นแข่งราคาหรือตัดราคาเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในสภาวะที่กำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคที่ชะลอตัวในปีนี้