สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) เผยผลสำรวจเรื่องการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ.2566 ว่า คนไทยทั่วประเทศมีแนวโน้มในการต้องการใช้จ่ายกลับมาสูงขึ้นหลังจากผลสำรวจในครั้งที่ผ่านมามีแนวโน้มในการเก็บตัว เก็บตังค์ พักเรื่องการใช้จ่าย ซึ่งในผลสำรวจครั้งนี้เอง แนวโน้มในการต้องการใช้จ่ายกลับมาสูงขึ้นกว่า 3% ทำให้การเทศกาลวันแม่ที่กำลังมาถึงนี้คึกคัก ผู้คนเริ่มกลับมาใช้จ่าย
หน้าฝนนี้โมเมนตัมเปลี่ยน คนไทยหวังสัญญาณบวกจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น ผู้คนในประเทศรายได้ดีขึ้น และเพื่อกระตุ้นความต้องการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับเทศกาลวันแม่ที่ถือเป็นหนึ่งในวันสำคัญของหลายครอบครัว คุณพร้อมพร สุภัทรวณิช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยการตลาดและวางแผนกลยุทธ์ ได้ให้คำแนะนำกับแบรนด์ต่างๆ ในการจัดแคมเปญหรือโปรโมชันเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้คนเหล่านี้ไว้ว่า
1.เทศกาลวันแม่นี้ ชวนคุณแม่มาจอย ในโลกของคุณลูก
แนะแบรนด์ให้สร้างแคมเปญในการชวนคุณแม่มาลองสัมผัสกับโลกของลูกๆ ที่ไม่ว่าจะท้าทายสไตล์แฟชั่นแบบวัยรุ่น ลองทำกิจกรรมกลางแจ้งสนุกๆ หรือไปเที่ยว แชะรูปสวยๆ กับคุณลูกสายคาเฟ่เพื่อสร้างคอนเท้นต์แม่ลูกร่วมกัน ทั้งแปลกใหม่ สนุกสนาน และที่สำคัญอาจช่วยลดช่องว่างระหว่างวัย ให้คุณแม่และคุณลูกได้เข้าใจกันมากกว่าที่เคยอีกด้วย
2. สนับสนุนนักเรียนไทย ให้ปลดปล่อย creativity ผ่านศิลปะ
ข่าวเรื่องของการศึกษาและระบบระเบียบของสังคมที่มีต่อเด็กนักเรียนไทยในปัจจุบันยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง และเป็นกระแสที่หลายคนจับตามองมาอย่างยาวนาน โดยแบรนด์สามารถเข้าลดความตึงเครียดได้โดยการช่วยเปิดพื้นที่ให้เด็กๆ ได้แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์และศิลปะแบบไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแคมเปญร่วมสนุก หรือจัดพื้นที่กิจกรรมให้เด็กๆ ได้แสดงออกทั้งแบบ ออนไลน์ และ ออฟไลน์
นอกเหนือจากคำแนะนำที่ทางสถาบันได้มอบไว้ให้กับแบรนด์ต่างๆ แล้วนั้น สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน ประเทศไทย ได้เผยอินไซด์ที่น่าสนใจจากผลสำรวจประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 ครั้งนี้ ไว้ 3 ประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจได้แก่
1.คะแนนความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 3% ชี้ภาพรวมคนไทยพร้อมช้อปท้าฝน
ฝนนี้ไม่หมองหม่น คะแนนความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแทบทุกภูมิภาคและทุกช่วงอายุของผู้ให้สำรวจ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นสูงสุด และตามด้วยภาคใต้ เนื่องจากนโยบายรัฐที่ส่งผลโดยตรงกับคุณภาพชีวิตที่คนไทยคาดหวังให้ดีขึ้น และที่สำคัญในผลสำรวจครั้งนี้เมื่อดูคะแนนแบบจำแนกเพศแล้วนั้น เพศชายมีคะแนนสูงกว่าเพศหญิง เนื่องจากเพศชายมีความเชื่อว่ารายได้จะดีขึ้นต้องการซื้อของเป็นรางวัลให้แก่ตนเอง ในส่วนของเพศหญิงเองจะยังคงเน้นสินค้าเติมสุขให้ครอบครัวในวันแม่ และสินค้าเติมความสุขให้แก่ตนเองโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มบิวตี้
2. ความสุขเท่าเดิมอย่างต่อเนื่อง ไม่ลดลง ไม่เพิ่มขึ้น
จากผลสำรวจตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาจนถึงผลสำรวจประเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 ในครั้งนี้ คะแนนความสุขยังคงเท่าเดิมอย่างต่อเนื่องที่ 64 คะแนน ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ความสุขของคนไทยไม่ลดลง แม้จะยังคงที่เท่าเดิม ยังคงหวังอย่างต่อเนื่องว่าในการสำรวจครั้งถัดไปจะมีแนวโน้มความสุขที่สูงขึ้น คนไทยยิ้มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
3. 'คุณคาดหวังให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด' คำถามพิเศษประจำเดือนนี้ เผยมุมมองคนไทย
จากคำตอบทั้งหมดของผู้ให้สำรวจในครั้งนี้เห็นได้ว่า คนไทยอยากให้มีการพัฒนาด้านการศึกษาสำหรับเยาวชนมากที่สุดถึง 70% ซึ่งส่งผลมาจากความร้อนแรงอย่างต่อเนื่องของประเด็นการศึกษาไทย รวมไปถึงสิทธิเสรีภาพของนักเรียนไทยในโซเชียลในช่วงที่ผ่านมา
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน ประเทศไทย ได้กล่าวเพิ่มเติมเรื่องของความสนใจของคนไทยว่า "ในขณะนี้คนไทยส่วนใหญ่สนใจด้านการพัฒนาการศึกษา เพราะถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญของการสร้างรากฐานในการส่งเสริมศักยภาพของประเทศและหวังแก้ปัญหาเรื่องความเท่าเทียมในระยะยาว อีกหนึ่งประเด็นที่คนไทยยังคงให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องคือเรื่องของการเมือง ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งจะจบลงไปแล้ว แต่คนไทยยังคงรอลุ้นผลของการจัดตั้งรัฐบาลหวังให้ผลเป็นบวกต่อไป"