ACE เปิดงบไตรมาส 2/66 กำไรสุทธิ 315.8 ล้านบาท โต 14.8% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 275.0 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 1,613.3 ล้านบาท ดันผลงานครึ่งปีแรกรายได้รวมกว่า 3,353.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% จากครึ่งปีแรกของปีก่อน มั่นใจครึ่งปีหลังยังโตตามเป้า เตรียมลงนาม PPA โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 18 โครงการ 112.73 เมกะวัตต์ปลายปีนี้ ส่งผลอนาคตสดใสมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวม 53 โครงการ กำลังผลิตรวม 392.22 เมกะวัตต์ คาดเริ่ม COD และทยอยรับรู้รายได้ปี 67 เป็นต้นไป และอยู่ระหว่างเตรียมยื่นประมูล มองหาการลงทุนใหม่ๆ ด้านพลังงานสะอาดที่ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดของไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ว่า ACE มีกำไรสุทธิ จำนวน 315.8 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 14.8% จากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 275.0 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้จากการขายและบริการรวมอยู่ที่ 1,613.3 ล้านบาท ลดลง 7.3% จากไตรมาส 1 ปี 2566 ที่ทำได้ 1,740.6 ล้านบาท เนื่องจากรายได้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในส่วนของค่าพลังงานไฟฟ้าที่ลดลงตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่มีราคาปรับลดลง
ด้านผลงานงวด 6 เดือนแรกปี 2566 ACE มีรายได้จากการขายและบริการรวมอยู่ที่ 3,353.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 3,258.7 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 590.8 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 706.4 ล้านบาท
สำหรับทิศทางธุรกิจ ACE ช่วงครึ่งปีแรกยังมีความคืบหน้าเชิงบวกต่อเนื่องหลังได้รับการลงนาม PPA โครงการโรงไฟฟ้าที่ชนะการประมูลซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มเติมรวม 78 เมกะวัตต์ จาก 18 โรงไฟฟ้าชุมชน กำลังการผลิตติดตั้งรวม 59 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเชียงหวาง จ.อุดรธานี กำลังการผลิตติดตั้ง 9.0 เมกะวัตต์ และ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนโชคชัย จ.นครราชสีมา กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน รวม 18 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตเสนอขาย (PPA) รวม 112.73 เมกะวัตต์ ที่ยังรอการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนตุลาคม 2566 นี้
"เมื่อพิจารณาจากโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของ ACE ซึ่งมีทั้งโครงการที่ PPA ได้รับการลงนามแล้วและโครงการที่คาดว่าจะลงนามเพิ่มเติมภายในปีนี้ รวมทั้งสิ้น 53 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 392.22 เมกะวัตต์ หากก่อสร้างแล้วเสร็จและทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปี 2567 เป็นต้นไป ตัวอย่างเช่น โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 18 โครงการ รวมกำลังการผลิตเสนอขาย 112.73 เมกะวัตต์ ที่สามารถก่อสร้างได้เร็วและอยู่ในกลุ่มที่มีกำหนดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ที่ค่อนข้างเร็ว กล่าวคือ มีกำหนด SCOD จำนวน 35.4 เมกะวัตต์ 57.33 เมกะวัตต์ และ 20 เมกะวัตต์ ในปี 2567 ปี 2568 และปี 2570 ตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลให้ ACE มีการเติบโตในเชิงรายได้และกำไรแบบก้าวกระโดด ยังไม่รวมถึงการมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติมที่ยังคงพิจารณาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียน สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงระยะที่ 2 จำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ การดำเนินโครงการการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ในรูปแบบ Private PPA ร่วมกับภาคเอกชน รวมถึงลงทุนในเรื่องของ Peer-to-Peer Energy Trading ที่อยู่ระหว่างศึกษาและรอความชัดเจนจากภาครัฐ ตลอดจนการขายพลังงานหมุนเวียน (REC) ซึ่งเชื่อว่าเหล่านี้ยังมีอนาคตเติบโตอีกมากและเป็นโอกาสดีที่ ACE จะเข้าไป" นายธนะชัย กล่าว
ACE เชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจที่สอดรับตามเมกะเทรนด์ของโลกจะช่วยให้ผลประกอบการเกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว สอดรับตามกลยุทธ์ธุรกิจที่มุ่งสู่การเป็น "ต้นแบบผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดของโลก" และเป้าหมาย "การเป็นองค์กรที่มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050"