บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON โชว์ผลกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2 โดยมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 659.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 5.93% เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันของเมื่อปีที่ผ่านมา ยอดทะลุเป้าตามที่คาดการณ์อันเนื่องมาจากการย้ายโรงงานเสร็จสิ้นและพัฒนาระบบการผลิตอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการจึงออกมาอย่างน่าพึงพอใจและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจตามที่วางกลยุทธ์ไว้
โดยรายได้หลักมาจากในส่วนของธุรกิจหลักอย่าง ธุรกิจผลไม้อบแห้ง ที่กวาดรายได้ไปมากสุด อยู่ที่ 169.79 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 47.32% รายได้ที่พุ่งทะยานสืบเนื่องมาจากการกลับเข้าสู่สภาวะปกติจากการย้ายโรงงาน อีกทั้งยอดขายที่เข้ามาอย่างล้นหลาม เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งในไทยและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยอดขายในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ หลังจากปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ก็กวาดรายได้ในไตรมาส 2 ไปได้ถึง 209.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นโดยคิดเป็น 4.87% ซึ่งถือว่าบรรลุผลตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้และสามารถทำกำไรทะลุยอดในช่วงเดียวของไตรมาสก่อน
ด้านธุรกิจลูกชิ้นและไส้กรอก สำหรับครึ่งปีที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพึงพอใจ จากการปรับลดสาขาที่มีผลประกอบการไม่คุ้มทุน และวางจุดขายเพิ่มในสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ รวมทั้งวางจำหน่าย ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อได้สะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลให้ยอดขายในครึ่งปีแรกพุ่งถึง 239.23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.30%
สำหรับธุรกิจอาหารแปรรูปแช่เยือกแข็งและอาหารพร้อมรับประทาน การย้ายโรงงานผลิต จำเป็นต้องได้รับการรับรองระบบมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตอาหารทั้งจากภาครัฐบาล ภาคเอกชน คู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าว่าสินค้าทุกชนิดที่ออกจากโรงงานจะมีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลขั้นสูงสุด โดยได้รับการรับรองทุกระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โรงงานมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป
นางเพ็ญศรี สืบสุวงษ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON กล่าวว่า "ในไตรมาสที่ 2 ยอดขายทะลุเป้าตามที่คาดการณ์ไว้ในทุกกลุ่มธุรกิจ เป็นผลอันเนื่องมาจากการย้ายโรงงานผลิต 2 แห่ง และปรับกลยุทธ์ ในการบริหาร เพื่อมุ่งเน้นที่จะสร้างกำไรมากกว่ารายได้ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิต โดยจัดหาวัตถุดิบในการผลิตในราคาที่สามารถแข่งขันได้ โดยคงไว้ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานเช่นเดิม อีกทั้งการคิดค้นและพัฒนาสร้างสรรค์เมนูอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของลูกค้าทั้งในประเทศไทยและขยายเป้าหมายพัฒนาสู่ประชาคมโลกอีกด้วย"