"โลกในอนาคตจะมีหน้าตาอย่างไร" "เราต้องเลี้ยงลูกอย่างไร หากต้องการให้เค้าเติบโตและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในอนาคต" เป็นคำถามที่พ่อแม่ทุกคนอยากรู้คำตอบ แต่คงไม่มีใครสามารถพยากรณ์ได้ว่าโลกของเราในอีก 10-20 ปีข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
ถึงอย่างนั้น ก็มีสิ่งที่เรารู้อย่างแน่ชัด คือเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วจะต้องส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในอนาคตของลูกหลานของเราอย่างแน่นอน โลกในยุคลูกจะเป็นโลกที่มนุษย์ต้องอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่าสักวันหนึ่งปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligent: AI) จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ โดยเฉพาะตำแหน่งงาน ที่ตอนนี้เราก็พอจะเห็นเค้าลางว่ามีหลายอาชีพที่ AI ทำได้ดีกว่ามนุษย์ นั่นหมายความว่าทำให้มนุษย์หางานได้ยากขึ้น ลูกของเราคงหางานได้ยากมากขึ้น ในอีก 20 ปีข้างหน้าด้วยเช่นกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ และมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้นเราไม่ต้องกังวลว่าลูกของเราจะฉลาดไม่พอในยุค AI เพราะสมอง คือจุดเริ่มต้นของทุกพัฒนาการของทารก ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษา การโต้ตอบกับพ่อแม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจาก พัฒนาการสมองของทารกในช่วงขวบปีแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของกลไกสมองที่ทำงานร่วมกันในทุกส่วน นักวิทยาศาสตร์เรียกกระบวนการนี้ว่า Brain Connection ยิ่งสมองสามารถเชื่อมโยงผ่านกันได้ไวเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ทารกสมองดี เรียนรู้ได้ไว
คุณสมบัติใดบ้างที่จะทำให้เด็กเติบโต และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในยุค AI
เราจะเลี้ยงดูลูกอย่างไร ให้เป็นเด็กที่มีคุณสมบัติ 3 อย่างที่กล่าวมา
คุณภาพของการเจริญเติบโตของเด็กเกิดจากการผสมผสานกันระหว่าง พันธุกรรมและการเลี้ยงดู (Nature and Nurture) ในด้านของพันธุกรรมนั้น (Nature) เป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่การเลี้ยงดูลูกในช่วงปฐมวัย (Nurture) จะเป็นรากฐานที่สำคัญ และกำหนดโครงสร้างสมองของเด็กแต่ละคน การเลี้ยงดูที่ดีต้องประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ
สารอาหารใดบ้างที่ช่วยเพิ่มพัฒนาการของสมองลูก
โภชนาการที่ดีในวัยเด็ก คือ นมแม่ ซึ่งอุดมด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเจริญเติบโต และการพัฒนาสมองในขวบปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมองเรียนรู้ได้เร็วกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ของชีวิต เพราะทุกวินาที จะเกิดการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทถึง 1,000,000 เซลล์ ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองในการพัฒนาสมองของลูก และเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้การเรียนรู้ต่างๆ ในอนาคตของลูกนั้นดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น
ข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่า จุดเริ่มต้นพัฒนาการสมองที่ต่างกันเล็กน้อยในช่วงทารก ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมากในระยะยาว จนอาจกล่าวได้ว่า สร้างสมองไวเริ่มได้ตั้งแต่วันแรกของชีวิต สารอาหารที่เด็กได้รับในวัยนี้ จะส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการทำงานของการเรียนรู้ ซึ่งส่งผลในระยะยาวต่อคุณภาพการเรียนรู้ของคนคนนั้นไปตลอดชีวิต โภชนาการในวัยเด็กเพื่อพัฒนาการที่เหมาะสมของร่างกายลูกควรอุดมไปด้วยอาหารที่ให้พลังงาน อย่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และ แร่ธาตุกับวิตามินที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต
นอกจากนี้ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สมองที่ก้าวหน้า ทำให้เราค้นพบว่าสารอาหารในนมแม่ เช่น สฟิงโกไมอีลิน มีผลโดยตรงกับการสร้างปลอกไมอีลินของเซลล์สมอง ซึ่งไมอีลินมีความสำคัญในการเพิ่มความเร็วของการส่งกระแสประสาท ทำให้การเรียนรู้ของสมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University) หนึ่งในกลุ่มมหาวิทยาลัยไอวีลีก ซึ่งเป็นกลุ่มของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยผลการวิจัยด้วยการสแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) พบว่า มีสารอาหารต่าง ๆ เช่น สฟิงโกไมอีลิน ดีเอชเอ เป็นหนึ่งในสารอาหารในนมแม่นั้นมีผลต่อการสร้างไมอีลิน และเด็กที่กินนมแม่มีการสร้างไมอีลินที่เร็วกว่าและมากกว่า
"สฟิงโกไมอีลิน" เป็นไขมันชนิดฟอสโฟไลปิดที่พบมากที่สุดในนมแม่ และมีไขมันที่มีความจำเพาะต่อการสร้างไมอีลินโดยเฉพาะ ไมอีลินนี้เป็นส่วนของหุ้มเส้นใยประสาทที่จะมาเชื่อมโยงเส้นประสาทต่างๆ อันส่งผลต่อการส่งสัญญาณประสาทและการประมวลผลภายในสมอง สมองเด็กที่มีไมอีลินมากกว่าจะเรียนรู้ได้ไวกว่า โดยเฉพาะเด็กที่ได้นมแม่จะมีการสร้างไมอีลินที่มากกว่า "สฟิงโกไมอีลิน" พบมากในนมแม่ ไข่ นม และชีส
การเลี้ยงดูที่ทำให้สมองเรียนรู้ได้ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ต้องทำอย่างไร
หากต้องการให้ลูกมีคุณสมบัติที่โลกอนาคตต้องการ คือต้องเป็นเด็กที่มีสมองไว มีกรอบแนวคิดแบบเติบโต (growth mindset) เพื่อพร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และที่สำคัญเป็นคนใจดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น จะต้องมีหัวใจหลักในการเลี้ยงดูลูกดังนี้
เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการเตรียมความพร้อมของลูกน้อยตั้งแต่วันนี้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจกับสารอาหารที่มีคุณค่า เปรียบเสมือนวัตถุดิบในการสร้างสมอง อย่างนมแม่ซึ่งถือเป็นโภชนาการที่ดีที่สุดของทารก เพราะอุดมด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิดรวมถึง สฟิงโกไมอีลิน และดีเอชเอ ที่มีส่วนช่วยให้สมอง สามารถเชื่อมโยงติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสฟิงโกไมอีลิน และสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อย เข้าชมได้ที่ S-Mom Club ที่เว็บไซต์ https://www.s-momclub.com/ และสามารถสมัครสมาชิกเพื่อปรึกษาทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง