บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ Sustainable Fisheries Partnership หรือ SFP รายงานความสำเร็จจากการทำงานร่วมกันในปีแรก เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลอย่างเป็นรูปธรรม โดยในรายงานระบุความคืบหน้าใน 5 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล ความเข้าใจในห่วงโซ่อุปทาน และมีการส่งต่อความเข้าใจนี้ในระดับสากล การลดความสับสนในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเล การระบุประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างมีความรับผิดชอบ และการสร้างตัวอย่างในการทำงานและผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอาหารทะเล
อดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่ม ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เพราะเราต้องลงมือทำกันอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ ทำให้เราตั้งใจที่จะผลักดันให้ทั้งอุตสาหกรรมทะเลทั่วโลกดีขึ้นผ่านกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange(R) ของเรา ซึ่งพันธกิจต่างๆ ที่เราตั้งไว้นั้น มีเป้าหมายที่ชัดเจนและต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน รวมถึง SFP ที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างในระยะยาวเป็นจริงขึ้นได้ และด้วยความร่วมมือนี้ เรากำลังขอให้อุตสาหกรรมในวงกว้างมาร่วมมือกันทำงานด้านความยั่งยืน"
แคธริน โนวัค ผู้อำนวยการด้านความหลากหลายทางชีวภาพและธรรมชาติ องค์กร SFP กล่าวว่า
"ไทยยูเนี่ยนได้สร้างมาตรฐานและความคาดหวังใหม่ให้กับการทำงานด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารทะเล ด้วยพันธกิจที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่สูงในการปกป้องสิ่งมีชีวิตในทะเล ถ้าทุกคนปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว อุตสาหกรรมอาหารทะเลก็จะมีบทบาทสำคัญในการเน้นย้ำถึงวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพในครั้งนี้ และช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ทะเลเหล่านี้"
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้เป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่ได้ลงนามกับ SFP เพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาปกป้องสัตว์น้ำในมหาสมุทร ซึ่งแคธริน โนวัค และอดัม เบรนนัน ได้ลงนามร่วมกัน
สามารถอ่านรายงานความก้าวหน้าฉบับเต็มได้ ที่นี่ https://www.thaiunion.com/files/download/sustainability/sfp-tu-partnership-year1-report.pdf
สามารถอ่านรายงานความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนได้ที่นี่ https://www.thaiunion.com/files/download/sustainability/sd-report-2022-en.pdf
ความคืบหน้าการทำงานด้านความยั่งยืนระหว่างไทยยูเนี่ยนและ SFP ใน 1 ปีแรก