ก้าวแรกสู่รั้วมหาวิทยาลัย เป็นอีกวันสำคัญแห่งช่วงชีวิตของคนรุ่นใหม่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงาน ปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ประจำปี 2566 ต้อนรับนักศึกษาใหม่วัยสดใส ด้วยเซอร์ไพรส์ในธีมอวลไอ'ตำนานแห่งมนต์วิเศษ 2023'
ห้องออดิทอเรียมจัดเต็มด้วยแสงเสียงอลังการจำลองบรรยากาศเป็นโถงปราสาทฮอกวอตส์ที่ดังระบือโลก สร้างความสนุกสนานและประทับใจให้นักศึกษาใหม่ โดยมี รศ. ดร.ธนภัทร์ วานิชานนท์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสต์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร และหัวหน้า 7 ภาควิชา มาในมาดจอมคาถา พ่อมด และแม่มด ร่ายมนต์วิเศษทักทายและอวยพรนักศึกษาใหม่ พร้อมสันทนาการให้นักศึกษาได้ลุ้นรับรางวัลมากมาย ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
รศ. ดร.ธนภัทร์ วานิชานนท์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า งานปฐมนิเทศนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 2566 นี้ นับเป็นวันที่น่าจดจำ ตื่นตาตื่นใจของเหล่าหนุ่มสาวนักศึกษาใหม่ ที่เปิดหน้าใหม่ของชีวิตที่เปี่ยมความหมายยิ่ง ขอเป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่จะเคียงข้างทุกคนและช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะในโลกยุคใหม่แก่ว่าที่วิศวกรในอนาคต ด้วยหลักสูตรการเรียนการสอนที่เทียบเท่านานาประเทศ ผ่านการรับรองจาก ABET สหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และห้องปฏิบัติการล้ำสมัย เชื่อมั่นว่านักศึกษาจะสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งกับตนเอง สังคม ประเทศชาติ และโลกของเรา ขอให้นักศึกษาทุกคนเรียนรู้อย่างมีความสุข พร้อมกล่าวทิ้งท้ายด้วยข้อคิดจากมนต์วิเศษว่า 'ผลของปัจจุบันเกิดจากการกระทำในอดีต ถ้าอยากมีอนาคตที่ดี จงทำปัจจุบันให้เป็นอดีตของอนาคตที่สวยงาม' ขอให้ทุกคนโชคดี และสำเร็จการศึกษาตามที่ตนเองใฝ่ฝันและมุ่งหวังไว้
มาคุยกับ 3 นักศึกษาวิศวะมหิดล 'ป้ายแดง' ซึ่งหลากหลายมุมมองสะท้อนความคิดฝันของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อโลกในวันข้างหน้า
ณภัทร นวสันติ หรือ เจ หนุ่มน้อยนักศึกษา ชั้นปีที่ 1 ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ (หลักสูตรนานาชาติ) กล่าวว่า หลังจากจบไฮสคูลจาก British Columbia ประเทศแคนาดา ผมก็กลับมาเรียนที่ประเทศไทย ได้รับแรงบันดาลใจจากคุณพ่อซึ่งเป็นวิศวกร ทำให้เราสนใจด้านวิศวกรรมมาตั้งแต่เด็ก และด้วยเทรนด์โลกในอนาคตที่มีการใช้เทคโนโลยี หุ่นยนต์ เอไอ มากยิ่งขึ้น ผู้ที่มีทักษะด้านนี้จะได้เปรียบ จึงเลือกศึกษาต่อด้านวิศวกรรมอุตสาหการนานาชาติ ที่วิศวะมหิดล เพราะมีห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยรองรับ ให้ทุกคนได้ลงมือทำจริง รวมถึงประทับใจในสายสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องที่เอื้อเฟื้อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฝันในอนาคตของผม อยากจะสานต่อธุรกิจของครอบครัว พัฒนาให้ก้าวหน้า และสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วยครับ
กันติทัต เจริญไชยศรี หรือ เติ้ล หนุ่มเฟรชชี่ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล กล่าวว่า ผมชอบคิดค้นทดลองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยตนเอง จึงเลือกเรียนด้านวิศวกรรม เพราะได้ทักษะรอบด้าน เนื่องจากวิศวกรรมไม่เพียงแต่สอนในทางทฤษฎี แต่มีการให้ทดลองปฏิบัติการจริง ทำให้เข้าใจถึงเรื่องระบบ การวางแผนเป็นขั้นตอนมากยิ่งขึ้น ประทับใจความอบอุ่นของชีวิตในรั้ววิศวะมหิดล มีสีสันกิจกรรม ความร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงาน ทำให้รู้สึกมีโอกาสในอนาคตมากยิ่งขึ้น ฝันในอนาคต อยากทำงานอีกหลายๆ อย่าง ที่สามารถทำควบคู่ไปกับงานด้านวิศวกรรมได้ เพื่อเพิ่มพูนทักษะและโอกาสอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกันและจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตในยุคอนาคตครับ
นภัส ศิริพละ หรือ มิลลี่ สาวนักศึกษา ชั้นปีที่ 1 ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ) กล่าวว่า วิศวกรรมเป็นศาสตร์ที่สอนการคิดอย่างเป็นระบบ ใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์และสร้างสรรค์ ไม่ได้ใช้ความจำเพียงอย่างเดียว ทำให้รู้สึกว่ามีความท้าทายที่จะเรียนรู้ และที่สำคัญ ประเทศไทยมีเป้าหมายจะเป็น Medical Hub วิศวกรรมชีวการแพทย์จึงเป็นทักษะที่จำเป็นในโลกอนาคต และเป็นที่ต้องการสูงค่ะ วิศวะมหิดลมีมาตรฐาน ABET รองรับ เมื่อเรียนจบจะสามารถต่อยอดและไปได้กว้างไกล การเรียนการสอนดูเป็นมิตร และสิ่งแวดล้อมดี ทำให้กระตุ้นแรงบันดาลใจอยู่เสมอ ทั้งกิจกรรม การเรียนการสอน โอกาสในการแลกเปลี่ยน และการทำงานวิจัย ความฝันในอนาคต อยากออกแบบอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้ช่วยเหลือผู้พิการ และทำหุ่นยนต์สำหรับนักศึกษาแพทย์ใช้ในการเรียนผ่าตัด เพราะเสมือนได้สร้างโอกาสครั้งใหม่ให้ผู้ป่วยอีกหลายชีวิต ในอนาคตอยากจะเรียนต่อสาขานี้อีก และทำงานเป็นนักวิจัยในแล็บของทางภาควิชาด้วยค่ะ