กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--ตลท.
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำเร็จของการจัดงาน “Thailand Focus : Singapore Road Show 2008” ซึ่งจัดร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ และโกลด์แมนซาคส์ ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 23 — 25 เม.ย. 2551 ว่า เป็นที่น่ายินดีที่การเดินทางไปให้ข้อมูลพร้อมท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และคณะ พร้อมบริษัทจดทะเบียนชั้นนำ 11 แห่งในต่างประเทศครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศประมาณ 70 รายจากสถาบันการลงทุน 53 แห่ง ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุนในภูมิภาคเอเชียกว่าแสนล้านบาท
“ผลการจัดงานโดยรวมผู้ลงทุนสถาบันพอใจกับการให้ข้อมูลของท่านรองนายกฯ และรมว.คลัง ซึ่งได้ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษ และร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ นโยบายตลาดทุน และการเมือง กับผู้ลงทุนแบบการประชุมกลุ่ม (Group Meeting) ถึง 4 การประชุม รวมจำนวนผู้ลงทุนสถาบันที่เข้าร่วมเกือบ 30 คน จาก 22 สถาบัน ทำให้สถาบันและสื่อมวลชนต่างประเทศ ได้รับทราบข้อมูลและคำตอบอย่างตรงไปตรงมาทุกประเด็นโดยตรงจากท่าน รวมทั้ง ได้ซักถามคณะที่ร่วมเดินทางไปด้วย” นางภัทรียากล่าว
สำหรับประเด็นที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจซักถามท่านรองนายกฯ และรมว.คลัง อาทิ การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ทิศทางการพัฒนาตลาดทุนไทย และความเข้มแข็งของรัฐบาลและความสามารถในการดำเนินนโยบายทางการเมือง เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินโครงการที่น่าสนใจ และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของไทยหลายโครงการ อาทิ โครงการ Thailand Rivera คือการพัฒนาชายผั่งตะวันออกหรืออ่าวไทย (Eastern Sea Coast) ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของโลก โดยจะมีการดำเนินการสร้างรถไปสู่ Southern China ซึ่งจะเป็นแหล่งเศรษฐกิจแห่งใหม่และส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้น นอกจากนี้จะส่งเสริมด้าน Health Care and Medical Tourism ในประเทศไทยด้วย
กรรมการและผู้จัดการกล่าวต่อว่า การที่รองนายกฯ และรมว.คลังซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไปให้ข้อมูลด้านตลาดทุนโดยตรงแก่ผู้ลงทุนสถาบันต่างชาติในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าตลาดทุนได้รับความสำคัญในระดับนโยบายจากภาครัฐ นับเป็นการช่วยสร้างความมั่นใจมากขึ้นในการเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทย
“รองนายกฯ และรมว.คลังได้ให้ความมั่นใจในทิศทางการพัฒนาตลาดทุนแก่ผู้ลงทุนต่างประเทศ โดยรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญของตลาดทุนเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุน การต่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนใหม่ และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ สำหรับความคืบหน้าของการแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น คณะกรรมการกำลังศึกษาถึงแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เพื่อส่งเสริมให้การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความเป็นสากลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นางภัทรียากล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้รับทราบประเด็นที่ผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความน่าสนใจแก่ตลาดทุนไทย โดยประเด็นที่ผู้ลงทุนสถาบันในต่างประเทศสอบถามและให้ความสำคัญ ได้แก่ เรื่องสภาพคล่องของหลักทรัพย์ อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (ค่าพีอี) อัตราส่วนการถือหุ้นของผู้ลงทุนรายย่อย (ฟรีโฟลต) และการแปลงสภาพของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศพบว่ามีความเข้าใจและเชื่อมั่นในสถานการณ์ของประเทศไทย แม้จะมีกระแสความไม่แน่นอนบ้างในปัจจุบัน
ด้านบริษัทจดทะเบียนที่ร่วมเดินทางไปให้ข้อมูลทั้ง 11 แห่ง ได้พบปะและให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน การจ่ายเงินปันผล แผนการขยายกิจการ การเติบโตของบริษัท และผลกระทบจากปัญหาการเมืองบริษัทละไม่ต่ำกว่า 8 การประชุม รวมทั้งสิ้น 98 การประชุม โดยบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับความสนใจจากผู้สถาบันสูงสุด 3 อันดับแรก คือ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ 14 การประชุม บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป 12 การประชุม และ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป 11 การประชุม
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำหนดเดินทางไปให้ข้อมูลแก่สถาบันในต่างประเทศอีกครั้งในปลายเดือนพ.ค. นี้ โดยมีแผนไปสำรวจตลาดประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีศักยภาพทางการลงทุนสูงประเทศหนึ่งในโลก