ในแต่ละวันผิวเจออะไรมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาวะจากภายนอก มลพิษ สิ่งสกปรก ภาวะภายใน หรือแม้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไม่ได้คุณภาพ มีสารอันตรายทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหากวนใจ กวนผิว วันนี้เราจะมาเจาะลึก 8 ปัจจัยทำลายผิว รู้แล้วต้องเลี่ยง เพราะนี่คือต้นตอ
1. แสงแดดแสงแดดและรังสียูวีตัวการทำร้ายผิวให้คล้ำเสีย ทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง และเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวสร้างอนุมูลอิสระ จึงทำให้ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอย tips: ป้องกันตัวเองจากแสงแดดโดยใช้วิธีกฎของเงา ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจนกว่าเงาจะยาวกว่าตัวของเรา คือ ช่วงเช้าก่อน 11.00 น. และช่วงเย็นหลัง 14.00 น. ซึ่งจะเป็นช่วงที่ปลอดภัย เพราะจะมีแสงยูวีบี (UVB) น้อย และควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
2. แสงจากจอBlue light (แสงสีฟ้า) เป็นแสงที่อยู่รอบตัวเรา พบได้จากจอมือถือ คอมพิวเตอร์ และหลอดไฟ แสงสีฟ้านี้จะมีคลื่นแสงอยู่ที่ประมาณ 400 - 500 นาโมเมตร ใกล้เคียงกับ UVA และ UVB สามารถทำลายชั้นผิวได้ลึก ส่งผลให้ผิวเข้ม เกิดริ้วรอย กระตุ้นให้ผิวเกิดจุดด่างดำและฝ้าtips: ป้องกันผิวจากแสงสีฟ้าได้ด้วยการทาครีมกันแดด และใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยปกป้องผิวและลดเลือนริ้วรอยได้ หรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว
3. มลภาวะในอากาศมลภาวะในอากาศ ทั้งฝุ่นควัน ก๊าซ และฝุ่น PM 2.5 ล้วนมีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว กระตุ้นการเกิดสิว และทำให้ผิวแพ้ง่าย อีกทั้งยังส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระของผิวลดลง ภูมิต้านทานผิวหนังแย่ลง และทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื่นtips: ปกป้องผิวด้วยการบำรุงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า เซรั่ม ครีม และทากันแดดก่อนออกจากบ้าน รับประทานผักและผลไม้ เพื่อรับสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกายไว้ใช้ต่อสู้กับมลภาวะ และใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมช่วยต้านอนุมูลอิสระ และต่อต้านมลภาวะผิวได้
4. อากาศแห้งอากาศแห้งพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว รวมถึงการอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ซึ่งจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำ ก่อเกิดเป็นปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแตกเป็นขุย หากไม่ได้รับการดูแลอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดผื่นแดงคันและอักเสบได้tips: วิธีป้องกันทำได้ด้วยการจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังที่เสียความชื้นให้แก่อากาศไป และเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เติมความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ สุขภาพดี
5. คาเฟอีนแม้สครับกากกาแฟจะช่วยให้ผิวสวยขาวใสได้ก็จริง แต่คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟ ชา และเครื่องดื่มต่างๆ กลับทำให้ผิวขาดน้ำ มีผลทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่น และผิวขาดความยืดหยุ่นtips: ควรดื่มกาแฟหรือชาในปริมาณที่เหมาะสม หรือวันละไม่เกิน 2 แก้ว ถ้าต้องการแก้ง่วงและเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย หันมาดื่มน้ำเปล่าเย็นๆ หรือน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวแทนจะดีกว่า 6. ความเครียดหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าความเครียดก็ทำให้ผิวเสียได้ แถมยังทำให้ผิวเสียได้หลายด้านเลยทีเดียว เช่น ฮอร์โมนความเครียดกระตุ้นการผลิตไขมันซึ่งจะทำให้เกิดสิวตามมา, ความเครียดทำให้นอนไม่หลับซึ่งเป็นสาเหตุของผิวใต้ตาดำคล้ำ อีกทั้งความเครียดยังทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังถูกทำลาย ผิวจึงหย่อนคล้อยและทำให้ดูแก่กว่าวัยtips: หาวิธีการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย, ใช้กลิ่นหอมบำบัด เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปรนนิบัติผิว ทำให้ผิวผ่อนคลาย เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสม Rosality ที่ได้รับกาพิสูจน์ในเรื่องของการดูผลผิวจากมลภาวะความเครียดต่างๆ เหมือนได้สปาผิว
7. สูบบุหรี่การสูบบุหรี่ทำลายผิวได้มากทีเดียว ทั้งทำให้หน้าแก่กว่าวัยและเกิดริ้วรอยเนื่องจากเลือดไหลเวียนได้ไม่ดี รวมถึงนิโคตินในบุหรี่ยังทำลายเส้นใยผิว จึงทำให้ผิวหย่อนคล้อย แตกลาย อีกทั้งยังส่งผลให้ผิวแห้ง และสีผิวไม่สม่ำเสมอด้วยtips: วิธีป้องกันผิวเสียที่ดีที่สุดคือการเลิกสูบบุหรี่ และเพื่อเป็นการชดเชยผิวที่ถูกทำลายไปแล้ว แนะนำให้ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนช่วนในการดูแลผิวลดริ้วรอย และเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
8.ผิวขาดการบำรุงผิวที่ขาดการบำรุงจะทำให้แก่ก่อนวัยอันควร ริ้วรอย ผิวแห้งกร้าน รวมถึงสีผิวไม่สม่ำๆเสมอ เกิดฝ้า กระ จากมลภาวะต่างๆ หากปล่อยไว้นานจะทำให้ผิวยากต่อการดูแล
tips:บำรุงผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผิว เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีสารอันตรายที่ทำลายผิว และบำรุงต่ออย่างสม่ำเสมอ