ฟิทช์ ให้อันดับเครดิตภายในประเทศที่ระดับ ‘AA-(tha)’ แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิมูลค่า 2 หมื่นล้านบาทของธนาคารไทยพาณิชย์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 29, 2008 17:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ที่ระดับ ‘AA-(tha)’ (AA ลบ (tha)) แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่าไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2561 ที่จะออกโดยธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
อันดับเครดิตของ SCB สะท้อนถึงผลประกอบการและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นและการเติบโตของสินเชื่อ ในขณะเดียวกัน SCB ยังสามารถรักษาระดับการกันสำรองหนี้สูญและสถานะของเงินกองทุนที่แข็งแกร่งได้ SCB เป็นหนึ่งในธนาคารที่มีเครือข่ายธุรกิจแบบครบวงจรที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย
ภายหลังจากที่ SCB ได้รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2550 ธนาคารยังคงประกาศผลประกอบการที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกปี 2551 โดยมีผลกำไรสุทธิที่ 6.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 84% จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายสินเชื่ออย่างรวดเร็วของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ดอกเบี้ยสุทธิให้กับธนาคาร รวมถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียม ในไตรมาสแรกปี 2551 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของ SCB อยู่ที่ 3.7% (ไตรมาสแรกปี 2550 อยู่ที่ 3.3%) ซึ่งจัดว่าอยู่ในกลุ่มที่สูงที่สุดของธนาคารไทย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลง เครือข่ายที่แข็งแกร่งและนโยบายการขยายสินเชื่อของธนาคารในธุรกิจการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ การปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย รวมถึงการปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม น่าจะเป็นตัวช่วยให้ผลประกอบการของ SCB ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2551 อย่างไรก็ตาม การขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อนี้อาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารเพิ่มขึ้นในช่วงปีนี้ได้
ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2551 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ยังไม่หักเงินสำรองของ SCB ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5 หมื่นล้านบาท หรือ 5.2% ของสินเชื่อรวม (ณ สิ้นปี 2550: 5.4 หมื่นล้านบาท หรือ 6.1% ของสินเชื่อรวม) ซึ่งเป็นผลมาจากการขายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มูลค่าประมาณ 8 พันล้านบาทให้กับนักลงทุน คาดการณ์ว่าธนาคารจะลดระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลงมาที่ประมาณ 4% ภายในสิ้นปี 2551 นอกจากนี้ธนาคารยังมีระดับสำรองหนี้สูญที่มากกว่า 80% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่เงินกองทุนขั้นที่ 1 ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 10.7% ของสินทรัพย์เสี่ยง ถึงแม้ว่าระดับเงินกองทุนดังกล่าวอาจลดลงมาที่ประมาณ 9% ภายในปีหน้า อันเป็นผลมาจากการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ Basel II และตามหลักการกำกับแบบรวมกลุ่ม (Consolidated Supervision)
SCB ซึ่งก่อตั้งโดยพระบรมราชานุญาต ในปี 2447 เป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดทางด้านสินเชื่อและทางด้านเงินฝากประมาณ 14% ณ สิ้นปี 2550 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 23.72% ธนาคารไทยพาณิชย์มีบริษัทย่อย ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจวาณิชธนกิจ ธุรกิจการจัดการกองทุน และธุรกิจประกัน
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
ติดต่อ
Vincent Milton, ดรุณี เพียรมานะกิจ, กรุงเทพฯ +662 655 4759/52

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ